Author Topic: ภาษีเงินได้นิติบุคคล : อัตราภาษีของไทย  (Read 6650 times)

ontcftqvx

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
ภาษีเงินได้นิติบุคคล : อัตราภาษีของไทย
ข่าวเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง -- พุธที่ 28 มกราคม 2552 11:18:23 น.

ช่วงนี้มีข่าว ทางหน้าหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่องว่า ภาคเอกชนได้เรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลง เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ภาคธุรกิจและให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งของต่างประเทศ ได้ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน

โอกาสนี้จะขอนำวิวัฒนาการของการปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีเงินได้ นิติบุคคลของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาศึกษาการปรับลดอัตราภาษีต่อไป

ในอดีตอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยมีลักษณะก้าวหน้า (progressive rate) ต่อมาได้ปรับเป็นอัตราเดียว (flat rate) โดยแยกเป็นอัตราภาษีสำหรับนิติบุคคล 2 ประเภท ได้แก่นิติบุคคลทั่วไปกับนิติบุคคลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย เพื่อส่งเสริมกิจการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เพิ่งมีการจัดตั้ง ขึ้นในขณะนั้น

จนกระทั่งปี 2535 ได้ปรับปรุงให้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่คำนวณจากฐานกำไรสุทธิ มีอัตราเดียวคือ ร้อยละ 30 ซึ่งเป็นอัตราภาษีที่ใช้บังคับมาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ระหว่างปี 2535 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการปรับลดอัตราภาษีเงินได้ให้กับ   นิติบุคคลบางประเภท คือ ลดอัตราภาษีให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2 ช่วง ในปี 2544 และปี 2551 และมีการลดอัตราภาษีให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในปี 2545 2547 และ 2551

ปี                      อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล

2494 — 2501        ไม่เกิน 500,000 บาท            ร้อยละ 10
500,001 — 1,000,000  บาท     ร้อยละ 15
1,000,001   บาทขึ้นไป          ร้อยละ 20

2502 — 2514        ไม่เกิน  500,000  บาท          ร้อยละ 10
500,001 — 1,000,000  บาท     ร้อยละ 15
1,000,001   บาทขึ้นไป          ร้อยละ 25

2515 — 2519        ไม่เกิน  500,000 บาท           ร้อยละ 20
500,001 — 1,000,000  บาท     ร้อยละ 25
1,000,001 บาทขึ้นไป            ร้อยละ 30

2520 — 2522        ร้อยละ 30 สำหรับบริษัทจดทะเบียน และร้อยละ 35 สำหรับอื่น ๆ

2523               ร้อยละ 35 สำหรับบริษัทจดทะเบียน และร้อยละ 45 สำหรับอื่น ๆ

2524 — 2528        ร้อยละ 30 สำหรับบริษัทจดทะเบียน และร้อยละ 40 สำหรับอื่น ๆ

2529 — 2534        ร้อยละ 30 สำหรับบริษัทจดทะเบียน และร้อยละ 35 สำหรับอื่น ๆ
2535 - ปัจจุบัน       ร้อยละ 30 สำหรับนิติบุคคลทั่วไป
มาตรการส่งเสริมตลาดหลักทรัพย์ฯ
2544 : บริษัทจดทะเบียนอยู่แล้ว

- ร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 300 ล้านบาท เป็นเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัทที่จะจดทะเบียนเข้าใหม่

- ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ เป็นเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (ตลาด MAI) ตั้งแต่ 6 กันยายน 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2548

- ร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เป็นเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ 6 กันยายน 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2548

2550 :  บริษัทที่จะจดทะเบียนเข้าใหม่ ที่ยื่นคำขอจดทะเบียนหลักทรัพย์ระหว่าง 1 มกราคม 2550 ถึง 31 ธันวาคม 2551 และได้รับจดทะเบียนหลักทรัพย์ภายใน 31 ธันวาคม 2552

- ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ เป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (ตลาด MAI)

- ร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2551 : บริษัทที่จดทะเบียนอยู่แล้ว

- ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ เฉพาะกำไรสุทธิในส่วนที่ไม่เกิน 20 ล้านบาท เป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี (เริ่มในหรือหลัง 1 มกราคม 2551) สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (ตลาด MAI)

- ร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เฉพาะกำไรสุทธิในส่วนที่ไม่เกิน 300 ล้านบาท เป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี (เริ่มในหรือหลัง 1 มกราคม 2551) สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
มาตรการส่งเสริม SMEs (บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท)
2545 : บริษัทฯ ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 มกราคม 2545 เป็นต้นไป
-  ร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท
-  ร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท
-  ร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 3 ล้านบาท
2547 : บริษัทฯ ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป
-  ร้อยละ 15 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท
-  ร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท
-  ร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 3 ล้านบาท
2551 : บริษัทฯ ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป
-  ยกเว้นภาษี สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท

-  ร้อยละ 15 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 150,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท
-  ร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท
-  ร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 3 ล้านบาท

โอกาสต่อไปจะได้กล่าวถึงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยโดยเปรียบเทียบ กับของประเทศต่าง ๆ และเหตุผลที่ว่า ทำไมรัฐบาลต้องจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล
ที่มา : โดย นายชนะชัย ประยูรสิน เศรษฐกร ระดับชำนาญการพิเศษ
รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ที่มา : Macroeconomic Analysis Group : Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 :  www.fpo.go.th

ontcftqvx

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ฉบับที่ 471 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนชำระ แล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก จากเดิมที่ไม่ได้รับยกเว้นเลย ซึ่งจะทำให้กิจการ SMEs จ่ายภาษีน้อยลงไปอีก 22,500 บาท พระราชกฤษฎีกานี้มีผลบังคับใช้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551

    * 150,000 บาทแรก               -----    ได้รับยกเว้นภาษี
    * 150,001 - 1,000,000         -----     เสียภาษี 15% ของกำไรสุทธิ
    * 1,000,001 - 3,000,000      -----     เสียภาษี 25% ของกำไรสุทธิ