Author Topic: แหวนเพชร  (Read 3991 times)

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
แหวนเพชร
« on: October 08, 2015, 07:33:02 AM »
เอาเพชรเม็ดๆก่อนนะคะ

เพชรเป็นเม็ดๆขายตาม 4C  คืออะไร

1. Cutting ก็คือเจียระไนเพชรแบบไหน เป็นรูปอะไร กลม เหลี่ยม หัวใจ หยดน้ำ ประมาณนี้  กี่เหลี่ยม หักเหแสงยังไง ขอบเพชรหนาหรือบาง แนวนี้  ส่วนใหญ่ที่ขายๆกันทุกวันนี้ จะบอกว่าเป็นแบบ Triple excellent อยากทราบมากกว่านี้ หาอ่านเพิ่มเติมเอาได้ค่ะ  http://www.ajediam.com/diamond_cut_chart.html



*ปล ขอโพสเว็บภาษาอังกฤษ เพราะเว็บภาษาไทยส่วนใหญ่ที่หาเจอเป็นของร้านเพชร ขออนุญาตไม่โฆษณาค่ะ



2. Color ก็คือสีของเพชร จะเอาขาวแค่ไหน ขาวมากก็แพง ขาวน้อยก็ถูกลง  เราซื้อเพชร เราก็คงอยากได้ที่มันขาวๆเนอะ ถ้าเพชรมันเหลือง ไปซื้อพลอยเหลืองใส่ดีกว่ามั๊ย ถูกกว่าเยอะ

ขาวสุด หรือที่เค้าเรียกกันเพชรน้ำ100 ก็คือ D  น้ำ 99 ก็คือ E แล้วก็ขาวน้อยลงไปเรื่อยๆ จนถึง Z



ทีนี้เค้าก็จะแบ่งความขาวออกเป็นช่วงๆ



ช่วง D E F เรียกว่าช่วง colorless สีขาวมาก เราจะมองด้วยตาเปล่าไม่ออกว่ามันต่างกัน เพราะงั๊นจะซื้อ D หรือ E หรือ F ก็ไม่ต่างกัน

ช่วง G H I J เรียกว่าช่วง near colorless ก็มองไม่ออกว่าแต่ละสีมันต่างกัน

เกินจาก K ลงไปก็จะเป็น  Faint yellow ไปจนถึง Z light yellow

อยากทราบมากกว่านี้  http://www.4diamond.com/4Cs/





ที่ Proud Gems เอา D กับ G มาเทียบให้เราดู ดูออกด้วยตาเปล่าเลยว่า มันขาวไม่เท่ากัน ส่วนตัว เราจึงจะเน้นที่ D - F เท่านั้นค่ะ



3. Clarity ก็คือความสะอาดของเพชร เพชรเป็นของมาจากธรรมชาติ เอาสะอาดไร้ตำหนิร้อยเปอร์เซนต์ทุกเม็ดก็คงเป็นไปไม่ได้ ก็เหมือนคนอ่ะค่ะ สวยแค่ไหน ก็ยังมีไฝ มีปาน แนวนั้น



FL หรือ IF ก็คือไร้ตำหนิ

VVS1 และ 2  มีตำหนิเล็กน้อย มองตาเปล่าไม่เห็น ใช้กล้องขยายสิบเท่าก็แทบจะมองไม่เห็น

VS1 และ 2 มีตำหนิเล็กน้อย มองตาเปล่าไม่เห็น มองเห็นด้วยกล้องขยายสิบเท่า

SI1  และ 2 มีตำหนิเล็กน้อย มองตาเปล่าเห็น

I1,2,3 มีตำหนิ มองตาเปล่าเห็นชัด



เราซื้อเพชร มันเป็น ของแพง แนว I1,2,3 คงไม่มีใครอยากได้หรอกเนอะ ถ้าจะซื้อ I1,2,3 ไปซื้อคริสตัลใส่เอาเหอะ

ส่วนตัว จะเอาแนว IF หรือ VVS ค่ะ ไม่รู้ว่าจะเป็นการจ่ายเงินแนวซื้อช้างเผือกหรือเปล่า แต่ช่างเถอะ ตอนนี้อาจแพงเกินไป แต่ในอนาคต อาจเป็นประโยชน์ก็ได้ ตอนนี้มีกำลังซื้อก็ซื้อไปก่อน



4. Carat คือเพชรหนักเท่าไหร่ เงาะชั่งเป็นกิโล ทองชั่งเป็นบาท เพชรก็ชั่งเป็นกะรัต แนวนี้ หนึ่งกะรัตเท่ากับ 200 มิลลิกรัม และเท่ากับ 100 point ภาษาไทยเรียก ตังค์

จะซื้อหนักแค่ไหนก็ตามกำลังทรัพย์ เล็กที่สุดเท่าที่เห็นขายเป็นเพชรเม็ดกลางคือ 20 point หรือ 20 ตังค์ แต่เล็กมากจนมองไม่ออก

เพชรต่างกันสิบตังค์ มองออกได้เลยด้วยตาเปล่า ที่ร้านเคยเอาสามสิบตังค์ กับสี่สิบตังค์มาเทียบให้ดูก็เห็นเลยว่าต่างกัน

คำแนะนำจากร้าน ถ้าจะซื้อ ห้าสิบตังค์ ให้ซื้อ สี่สิบ หรือ หกสิบไปเลย เพราะราคาเพชรห้าสิบตังค์จะเป็นราคาเพชรครึ่งกะรัต ก็จะเอาราคาเพชรกะรัตมาหารสอง ซึ่งจะแพงกว่าสี่สิบตังค์เกือบเท่าตัว  แต่ถูกกว่าหกสิบตังค์ไม่เท่าไหร่ เพราะเพชรไม่ถึงห้าสิบตังค์จะถือว่าเป็นเพชรร่วง (ภาษาชาวบ้านอย่างอิชั้นคือเศษเพชรอ่ะค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า)จึงถูกกว่าเพชรครึ่งกะรัตมาก



เพชร premium size คือ เพชรเค้าจะแบ่งราคาเป็นช่วง 20 - 29 , 30 - 39,  40 - 49, 50 -59 ตังค์ แนวนี้ สมมติเราดู 40 - 49 ตังค์ เพชรที่ค่อนไปทางเลข 9 ก็จะเป็น premium size อย่าง 48,49 ตังค์ จะถูกกว่า 50 ตังค์เยอะมาก เพราะยังเป็นเลข 4 อยู่ ทั้งๆที่มองด้วยตาเปล่าแทบดูไม่ออกว่ามันไม่เท่ากัน เพชรพวกนี้จะหายาก แต่ถ้าสมมติตอนไปที่ร้านมีพวกนี้อยู่ก็น่าพิจารณาค่ะ



ราคาเพชรก็จะขึ้นอยู่กับ 4C นี้ ขาวมาก แต่ตำหนิเยอะ ก็อาจถูกกว่า ขาวน้อยหน่อยแต่ไม่มีตำหนิ ทำนองนี้ค่ะ



ทีนี้ร้านเพชรเค้าก็จะมีขายอยู่สองแบบคือ แบบที่มีตัวเรือนมีเพชรเรียบร้อย ชอบแบบที่เห็น เพชรเม็ดเท่าเห็นก็หยิบ จ่ายเงินเลย หรือ เอาตัวเรือนแบบนี้ แต่จะเอาเพชรเม็ดนี้ เค้าก็จะประกอบให้ใหม่

มีคนแนะนำว่า ถ้าเราซื้อเพชรที่ประกอบเป็นแหวนแล้ว เราจะส่องดูเพชรยาก ว่าตำหนิอะไรยังไง แต่ถ้าซื้อเป็นเม็ดก่อน แล้วเลือกตัวเรือนทีหลังจะส่องเพชรง่ายกว่า



ซื้อเพชรต้องมีใบเซอร์มั๊ย แล้วใบเซอร์เนี่ยมันใบเซอร์อะไร ก็ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็จะมีสองแบบคือใบเซอร์ร้านที่ขาย ออกให้ ว่าเพชรแท้นะ รับประกันคุณภาพนะ กลับมารับบริการหลังการขายได้ ถ้าร้านที่เราซื้อดังมาก น่าเชื่อถือมาก ใบเซอร์จากร้านก็เพียงพอ เช่นถ้าซื้อเพชรมาจาก De Beers หรือ Cartier ก็ไม่ต้องไปหาใบเซอร์จากที่อื่นแล้วล่ะค่ะ



อีกแบบคือใบเซอร์ของสถาบันที่เค้ารับประกันคุณภาพเพชร ที่ดังๆก็คือ GIA เค้าก็จะเอาเพชรไปตรวจแล้วก็ออกเป็นใบมาให้ว่าเพชรเม็ดนี้ cutting เป็นไง หนักเท่าไหร่ สะอาดเท่าไหร่ ตาม 4C น่ะค่ะ เราก็จะได้มั่นใจว่า เออ ที่ร้านบอกว่า เพชรเม็ดนี้ Color D นะ ความสะอด VVS นะ เชื่อได้จริงเพราะมีเอกสารกำกับมา เราจะไปซื้อตามร้านกะโหลกกะลาแถวไหนก็ได้ เพราะใบเซอร์จะเป็นตัวบอกคุณภาพเพชรที่เราพอใจจะจ่าย แต่ก็ระวังใบเซอร์ปลอม ถ้าเป็นใบเซอร์ของ GIA เข้าไปเช็คเว็บของ GIA ได้ใส่เบอร์ใบเซอร์เข้าไป เว็บจะบอกข้อมูลมาเลยว่าใบเซอร์ใบนี้มีจริงหรือเปล่า และข้อมูลตรงกันกับใบที่เรามีในมือมั๊ย เช็คที่นี่เลยค่ะ  http://www.gia.edu/report-check-landing



ใบเซอร์เพชร จำเป็นมั๊ย ถ้าเราเชี่ยวมากเรื่องเพชร เจ๊คนขายบอก D VVS1 เราดูออกปุ๊บว่าเจ๊มั่ว ก็คงไม่จำเป็น แต่ชาวบ้านธรรมดาอย่างอิชั้นจำเป็นอ่ะค่ะ ซื้อหม้อหุงข้าว ตู้เย็น ไม่กี่บาท เรายังมีใบรับประกันบอกเลยค่ะ ว่าส่วนประกอบของที่เราใช้อยู่เนี่ย มันประกอบด้วยอะไรบ้าง ทำงานยังไง ซ่อมฟรีกี่ปี เพชรเม็ดใหญ่กว่าขี้ตาแมวนิดเดียว เม็ดละสี่ห้าหมื่น ยังไงก็ต้องขออะไรซักใบแหละ จะได้รู้ว่า สี่ห้าหมื่นที่จ่ายไปเนี่ย คุณสมบัติมัน