Author Topic: สาระความรู้บริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก google โดย CSLSEO  (Read 3419 times)

LinePC001

  • Guest
 tao2)CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก Google
 
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายคนคุ้นเคยหรือรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเว็บไซต์ของตัวเองหรือรับทำเว็บไซต์ก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ยอดจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บไซต์มากชนิดที่พูดได้ว่า ถ้าเว็บไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้
 
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การพัฒนาเว็บ (ทั้งหมด) ให้มีความพอเหมาะพอดีในการติดอันดับการทำการค้นหาของเครื่องมือค้นหายอดฮิตอย่าง Google แต่การที่จะทำให้เว็บของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ในหน้าการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น จำเป็นที่่จะต้องการปรับปรุงเว็บไซต์ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (บทความ), ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บ หรือแม้แต่โครงการของเว็บไซต์ ก็มีผลด้วยเช่นกัน
 
ก่อนอื่นลองคิดตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า “ที่พักเชียงใหม่” ซึ่งเป็น Keyword ในการค้นหา คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บไซต์ ที่มีความสอดคล้องกับ Keyword ที่ใช้ค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการทำการค้นหาลำดับแรกๆ ให้กับผู้ที่ทำการค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บของเรามีปริมาณคนเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง
 
อย่างที่ได้กล่าวไปรับ SEO สามารถช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บของเราให้มากขึ้นได้ ฉะนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไร ความน่าจะเป็นที่เราจะขายของก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของข้อเท็จจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านจำหน่ายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิต ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าออนไลน์ของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากแค่ไหน และความน่าจะเป็นที่เราจะจำหน่ายสินค้าได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บไซต์ของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง “ทำเลทอง” เพราะจะมีผู้เข้าชมคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของเราเยอะแยะ และความน่าจะเป็นที่จะเปลี่ยนให้ผู้เยี่ยมชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย
 
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บในสมัยนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องการสร้างธุรกิจร้านค้าออนไลน์บนเว็บด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา
 
 
ในครั้งหนึ่งร้านค้า บริษัท หรือหน่วยงาน มีเว็บเพื่อสร้างความน่าไว้วางใจเท่านั้น โดยไม่ได้นึกถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บอย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บ แต่ในยุคนี้นี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้า บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เห็นคุณค่าถึงความสำคัญของการทำเว็บเพื่อเปิดหนทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมากมาย การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บ
 
Search Engine คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการทำการค้นหา จากนั้น Search Engine จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บหลายๆ เว็บไซต์ ที่มีความสอดคล้องกับ Keyword นั้น นั่นก็มีความหมายว่า เว็บที่แสดงผลในอันดับต้นๆ ของ Google Search ที่มียูสเซอร์มากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์นั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อมีคนเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนไม่น้อย จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมาเยอะแยะ เช่น การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ การจำหน่ายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บ แต่เว็บของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Google Search แล้วล่ะก็ เว็บของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บไซต์ร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับแรกๆของ Search Engine จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือพัฒนาเว็บให้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ของการค้นหาใน Search Engine ใน Keyword ที่สมควรและตรงตามจุดมุ่งหมายของเว็บ เพื่อให้อยู่ในระดับมุมมอง และสามารถดึงดูดความใส่ใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
 
 
 
SEO คืออะไร? ดันเว็บติดอันดับกูเกิล ไม่ยากอย่างที่คิด
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้พึงพอใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Google Search (Search Engine อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น)
 
เพื่อทำให้หน้าเว็บธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลทำให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บโดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกเยอะแยะที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่สนใจการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง
 
ซึ่งบางคนอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางท่านก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่รับรองว่าหากท่านได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดขายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และปัจจัยสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะเป้าหมายของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการบำรุงรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บไซต์คู่แข่งของเราจะเข้ามาแทนที่
 
แล้ว SEO ที่เราพูดถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีวิธีการการดำเนินงานยังไงบ้าง หากท่านอยากรู้ ทีม CSLSEO จะมาคุยให้ฟัง
 
 
ทำความเข้าใจ Google Search เหตุผลที่หลายธุรกิจต้องการทำ SEO
 
เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Google Search มีการดำเนินงานยังไง ซึ่งเป็นเหมือนปัจจัยหลักของกลยุทธ์การตลาดในครั้งนี้
 
หน้าที่หลักของ Google Search อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลบนโลกอินเทอร์เน็ตมาจัดเรียงลำดับความสัมพันธ์ เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพึงพอใจต่อการค้นหามากที่สุด ส่วนมากแล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Google Search นั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการหาผลลัพธ์ให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการทำการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความรวดเร็วของผลการค้นหา, ความเกี่ยวข้องของเนื้อหา, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าไว้วางใจ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาของผู้ใช้งาน
 
แล้ว Google Search ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงลำดับเว็บไซต์? เราสามารถแบ่งการดำเนินงานของ Google Search ได้เป็น 3 กระบวนการด้วยกัน คือ
 
1. Crawling (การเก็บข้อมูล): กระบวนการการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บ, URLs, หัวข้อ, บทความ, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บไซต์ เมื่อสแกนเว็บหนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บไซต์ที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บนั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Search Engine สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
 
2. Index ing (ทำดัชนี): หลังจากทำการสแกนข้อมูลเว็บจนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ อินเด็กซ์ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ Index เหมือนห้องสมุดที่รวมเว็บทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บไซต์ที่ต้องการแสดงอยู่บนผลการค้นหา จำเป็นจะต้องผ่านระบบการ Index ing ของ Search Engine เสียก่อน
 
3. Ranking (ทำการค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Google Search จะทำการหาข้อมูลเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด จากคลัง Index แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าเชื่อถือและ อื่นๆ
 
 
ความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ SEO ขั้นพื้นฐาน
เริ่มสร้างเว็บขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 กระบวนการ
 
1. ค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
 
เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บไซต์ และผู้ค้นหา เรามีความจำเป็นจะต้องมี “Keyword” (คีย์เวิร์ด) เป็นคล้าย GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการทำการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการทำการค้นหาของเราเสมอ
 
ตัวอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า “SEO คืออะไร” ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดงเนื้อหาที่มีความสอดคล้อง และเว็บที่มีโอกาสจะตอบสนองความอยากของเรามากที่สุด เว็บชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในบทความ และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาของเรามีความสอดคล้องกับสิ่งที่คนกำลังทำการค้นหา
 
ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เปรียบเสมือนความปรารถนาของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำคอนเทนต์หรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บของเราตอบสนองความต้องการ โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากอยากสร้างให้เว็บติดอันดับหน้าแรกของ Google การทำการค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
 
การค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อให้ยูสเซอร์สามารถเจอเว็บของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic
 
 
2. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งยูสเซอร์และ Google Search
 
ภายหลังเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บไซต์เราได้แล้ว เราต้องมั่นใจว่าเว็บของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะทำให้ผู้ค้นหาสนใจ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บไซต์เป็นเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจัดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดขาย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บไซต์เรา
 
ทั้งนี้การดีไซน์โครงสร้าง SEO เว็บที่ดีจะส่งเสริมให้ Search Engine Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ อินเด็กซ์ ข้อมูลบนเว็บได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บจะเป็นคล้ายผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Google Search และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่ต้องการได้อย่างสะดวก ส่งผลให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์สำหรับใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มมากขึ้น (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอยู่เว็บเรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking)
 
หนึ่งแบบอย่างของการสร้างเว็บ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของเนื้อหาต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บนี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การค้นหาคอนเทนต์ที่อยากได้สำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นมีความจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูคล้ายจงใจมากเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
นอกจากนั้น การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความเร็วของเว็บ, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่เราควรคำนึงถึงอยู่สม่ำเสมอเมื่ออยากได้ทำ SEO เว็บไซต์นั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของยูสเซอร์ (User Experience)
 
 
3.  On-Page Optimization
 
การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO ในหน้าโฮมเพจของเรา เพื่อมั่นใจว่าหน้าเว็บนั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือคู่แข่งในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพคอนเทนต์ และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับบทความเว็บให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อ SEO อย่างสูงสุด
 
เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการสอด Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
- Title Tag: หัวข้อเนื้อหาที่เราอยากได้ให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะทำให้เกิดปริมาณคลิกเข้าเว็บไซต์มากที่สุด
 
- Meta Description: คำบรรยายสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำชี้แจงเพิ่มจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บไซต์เขาจะเจอคอนเทนต์แบบไหน Meta Description ควรเป็นเนื้อหากล่าวถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บไซต์ของเรามากกว่าเว็บคู่แข่ง
 
- Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าโฮมเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของคอนเทนต์ เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการไม่แน่ใจของผู้ใช้งานและ Google Search Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามคิว
 
- Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถสอดแทรกเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยข้องใจไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่เราทำการค้นหา คำตอบก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง
 
- URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บให้มีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาได้จากการแทรกสอด Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก
 
 
4. Off-Page Optimization
 
ในทางตรงกันข้าม Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล SEO นอกเว็บ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บอื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือพูดถึงเรา เหมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าถูกใจสินค้าของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และนำเสนอให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในหลักการเดียวกัน ยิ่งมีเว็บข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บของเรามากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือที่ Google มีต่อเว็บไซต์ของเราจะมากขึ้นเท่านั้น
 
ปัจจัยหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง
 
การทำ Backlink ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดคือการเขียน Content ที่เป็นประโยชน์สำหรับยูสเซอร์มากจนเป็นที่กล่าวถึง และผู้ใช้งานจะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะทำให้เนื้อหาของเราถูกบอกต่อในโลกที่มีคอนเทนต์อย่างมหาศาลในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง
 
ดังนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียนคอนเทนต์ลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีบทความเกี่ยวข้องกับเว็บของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะคุ้นเคยกันดีคือ แนวทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์คอนเทนต์ของเราผ่านวิถีทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี
https://cslseo.com