Author Topic: คลอดลูก เจริญกรุงประชารักษ์  (Read 8589 times)

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
ถ้าเป็นเคสปกติจะเป็นพยาบาลผดุงครรภ์เป็นคนทำคลอดให้นะคะ ไม่ใช่คุณหมอทำให้หรอกค่ะ ยกเว้นแต่จะฝากพิเศษกับคุณหมอท่านนั้นๆ มีค่าฝากพิเศษต่างหากค่ะ

เราไม่ได้คลอดที่เจริญกรุงฯ นะคะ พอดีฝากที่คลีนิคข้างนอก คุณหมอท่านประจำอยู่ที่เจริญกรุงฯ เคยถูกส่งตัวไปเจาะน้ำคร่ำที่รพ. นี้ แต่คลอดที่อื่นค่ะ
ที่รพ. คนไข้จะเยอะมาก ถ้าไม่มีเคสผิดปกติอะไร คุณหมอจะไม่ค่อยพูดอะไรมากนักหรอกค่ะ สงสัยอะไรก็ถามเอาเลยจะดีกว่า
ตอบกลับ
0 0   
ขาหมูแก้มป่อง 
20 พฤศจิกายน 2557 เวลา 09:10 น.
ความคิดเห็นที่ 2
คห.1 มั่วครับ     ลูกผม3คน  แฝดหญิง1คู่ กับ ผู้ชาย1คน   ฝากและคลอดที่เจริญกรุงทั้งหมดครับ   ตอนคลอดคุณหมอทำครับแต่จะมีพยาบาลคอยช่วยอยู่ข้างๆ   ในกรณีที่ฝากแบบปกติคือคุณหมอคนไหนทำคลอดก็ได้  ผมว่าดีกว่าไม่ต้องรอหมดที่เราเลือกไว้      การฝากท้องถ้าปกติก็ไม่มีปัญหาอะไรครับแต่ถ้าเราสงสัยหรืออยากรู้ก็ถามได้ครับ   ท้องได้5เดือน ประมาณเดือนที่6 คุณหมอจะนัดซาวด์อีกครั้ง  แล้วก็ประมาณก่อนคลอดอีก 2 ครั้ง ครับถ้าเราอยากรู้ก็ถามได้ครับ เพราะถ้าเราไม่ถาม หมอจะรู้ไหมครับว่าเราสงสัยหรืออยากรู้ตรงไหน เพราะการท้องและเด็กปกติ  แต่ถ้าเด็กไม่ปกติเค้าจะบอกทันที         

ค่าใช้จ่ายในการคลอด  ถ้าเลือกวันได้ แนะนำว่าอย่าคลอดวันศุกร์ เพราะ .....จะติดเสาร์-อาทิตย์ (แม่คลอดลูกแล้วอยู่ รพ.ประมาณ 3-4วัน) เราจะเดินเรื่องบัตรทองของลูกไม่ได้ (ต้องไปเขตเอาชื่อลูกออกจากเขต   แล้วไปเข้าทะเบียนบ้านเรา   แล้วเอาเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อเด็ก ไปแจ้ง รพ.)   ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนของเด็กเราต้องจ่ายเพิ่ม       การท้อง ครั้งที่1เสียไป ประมาณ หมื่นนิดๆ (ผ่าคลอดลูกแฝด  ไม่มีค่าใช้จ่ายเด็ก)    ท้องที่2 เสียไป 11*** บาท (ผ่าคลอดลูกคนเดียว แต่ไม่ได้ทำบัตรทองลูกทำไม่ทัน เลยรวมค่าใช้จ่ายลูกด้วย)
ตอบกลับ
0 0   
บ้านไม้เล็กแต่อบอุ่น   
20 พฤศจิกายน 2557 เวลา 11:46 น.
ความคิดเห็นที่ 3
เพื่อนผมคลอดธรรมชาติ ก็มีหมอทำครับ   แต่การคลอดธรรมชาติต้องรอนาน จนมดลูกเปิดถึง10 ซม.     แต่การผ่าจะทำได้เลย แต่สามารถผ่าได้ 3 ครั้ง (มีลูก3ครั้ง) แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้3ครั้ง แต่แฟนผม 2 ท้อง 3คน ก็พอละทำหมันเลย     ห้องพักหลังคลอดที่นี่ห้องธรรมดา เป็นห้องแอร์นะครับ นอนรวม    แต่ถ้าห้องพิเศษก็เพิ่มอีกประมาณ 2-3พัน เป็นห้องที่สามารถมีญาติมานอนได้      แต่ผมว่าห้องธรรมดามีเพื่อนเยอะ  เห็นคุณแม่วัยใสเยอะ (อายุ สิบกว่า) บางคนแท้งก็มี เห็นแล้วน่าสงสาร
ตอบกลับ
0 0   
บ้านไม้เล็กแต่อบอุ่น   
20 พฤศจิกายน 2557 เวลา 11:52 น.
ความคิดเห็นที่ 4
เราฝากกับหมอที่ประจำอยู่ รพ เจริญกรุงฯ ค่ะ แต่เปิดคลินิกเองใกล้กันกับ รพ เลยค่ะ
เคยตอบไว้ในกระทู้นี้ค่ะ

http://pantip.com/topic/32054267/comment13-1
ตอบกลับ
0 0   
ทองเงินนาค 
20 พฤศจิกายน 2557 เวลา 12:28 น.
ความคิดเห็นที่ 5
อยากทราบว่า ดิฉันเคยฝากที่รพ.เจริญกรุงฯ แต่ตอนนี้ย้ายไปฝากอีกรพ.นึงแต่จะกลับมาผ่าคลอดที่รพ.เจริญกรุงฯต้องทำยังไงบ้างค่ะ ตอนนี้ใกล้คลอดแล้วค่ะ เลยอยากจะถามว่าต้องไปติดต่อทำเรื่องยังไง วันเสาร์-อาทิตย์ไปได้รึป่าวค่ะ?

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
ของเราคลอดเมื่อ2ปีที่แล้วนะคะ ถ้าจำไม่ผิดทั้งหมดประมาณหมื่นนิดๆ รวมค่าคลอดธรรมชาติ แอดมิทนอนรอคลอด1คืน พักห้องธรรมดา1คืน ห้องพิเศษอีก2คืน แล้วก็มีค่าฝังยาคุมกำเนิดอีก ถ้าค่าคลอดอย่างดียวประมาณ5-6พันค่ะ ส่วนห้องรวมธรรมดาน่าจะคืนหล่ะสี่ร้อย ค่าห้องพิเศษประมาณคืนหล่ะสองพัน
ตอบกลับ
0 0   
สมาชิกหมายเลข 998410 
24 สิงหาคม 2560 เวลา 21:04 น.

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
สืบเนื่องมาจากตอนที่แล้ว...ที่ 40 week แล้วยังไม่คลอดซักที กังวลกับ น้ำคร่ำน้อยจะทำให้ลูกเป็นอันตรายหรือเปล่าน้า แต่กำหนดหมอนัดอีกทีก็ตั้งวันที่ 7 เม.ย. แน่ะ....
**และแล้วผ่านไปได้ 3 วัน ** (จากวันที่พบหมอครั้งล่าสุด 30 มี.ค.)

วันพฤหัสที่ 3 เม.ย. 2551 ก็นัดกับพ่อของลูกว่าจะไปต่อทะเบียนรถกันแต่เช้า แม่ก็ต้องตื่นเช้าหน่อย นอนอยู่บนเตียง (เวลาตอนนั้นประมาณ 6 โมงเช้าจ้ะ) ก็รู้สึกว่า เอ๊ะ..ทำไมแม่ปวดท้องเหมือนปวดประจำเดือนเลย แม่ก็แอบลุ้นให้ปวดถี่ๆ ทุกๆ 5 นาที  (ปกติลุ้นให้ปวดทุกๆ 5 นาที ไม่เคยสำเร็จเลย) ก็นอนรอดู จับเวลาด้วย อ้าวอะไรกันนี่ ปวดทุกๆ 5 นาทีแล้วนี่นา นับได้ 5 ครั้ง  แม่ก็สะกิดบอกพ่อของลูก พ่อดีใจใหญ่บอกว่าไม่ต้องไปไหนแล้ว เก็บของไป รพ. ดีกว่า และพอแม่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็มีเลือดคล้ายประจำเดือนหยดย้อยออกมาเลอะที่นอน แม่ก็ยิ่งดีใจใหญ่ ต้องเป็นมูกเลือดก่อนคลอดแน่ๆ


แม่กับพ่อก็ไปอาบน้ำแต่งตัวและก็ขับรถ ตรงไป รพ.ทันที (ออกจากบ้านเวลาประมาณ 7 โมงครึ่ง)
ระหว่างอยู่ในรถอาการปวดท้องของแม่ก็เพิ่มมากขึ้น พ่อของลูกบอกให้แม่จิกขาพ่อไว้ เจ็บแค่ไหนก็จิกแค่นั้นเลย พ่อจะได้รู้ว่าแม่ปวดท้องแค่ไหน แม่ก็จิกพ่อแรงขึ้นๆ และช่วงเวลาตอนนั้นเป็นเวลาเร่งด่วน รถเลยติดมากๆ แม่ก็ปวดท้องมากขึ้นเหมือนกัน

เอ้า!! ถึง รพ.ซะทีนึง (ตอนนั้นเป็นเวลา ประมาณ 8โมงครึ่งจ้ะ) (รพ.ที่แม่จะคลอดลูกเป็น รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เป็น รพ.ที่เน้นการคลอดบุตร และการเลี้ยงดูบุตรด้วยนมแม่ และที่สำคัญอีกอย่างเป็น รพ.ที่ พี่อลีฟคลอดออกมาด้วยนะจ๊ะ)

พอมาถึง รพ. แม่ก็ไปจัดการแจ้งเจ้าหน้าที่ ว่าฝากพิเศษไว้กับคุณหมอวันชัย จันทราพิทักษ์ (แต่แม่รู้ว่า ถ้าแม่คลอดลูกวันนี้ คุณหมอที่แม่ฝากพิเศษๆจะไม่ได้ทำคลอดให้แน่นอน เพราะคุณหมอแจ้งแม่แล้วว่าคุณหมอจะไปเช็งเม้ง ตั้งแต่วันนี้ กลับมาอีกทีก็วันที่ 7 เม.ย.แน่ะ) ไม่เป็นไร ถ้าลูกจะคลอดวันนี้ ใครทำแทนก็ได้แล้ว แม่ไม่ห่วงแล้ว

พยาบาลพาแม่ไปตรวจปากมดลูก ปรากฎว่าเปิดแค่ 2.5 เซนต์เอง แต่แม่ปวดท้องจังเลย หลังจากนั้นก็พาแม่ไปที่ห้องคลอด เข้าห้องน้ำ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุด คนไข้รพ. เพื่อเตรียมตัวคลอด และก็ให้แม่นำเงินติดกระเป๋าไว้ 100 นึงจ้ะ (ระหว่างนั้น พ่อของลูกก็รอแม่อยู่ที่หน้าห้องคลอดจ้ะ) (ขณะนั้นเป็นเวลา 9 โมง จ้ะ)

-หน้าห้องคลอดจ้ะ บริเวณที่พ่อของลูกรอแม่อยู่อย่างใจจดใจจ่อ-


ในห้องคลอด ก็เป็นเตียงคลอดและก็มีผ้าม่านปิดอยู่ พยาบาลก็มาแจ้งว่า "เราเช็คคุณหมอวันชัยแล้วนะคะ ท่านไปเช็งเม้งอยู่ประจวบค่ะ คุณหมอท่านให้ถามว่า ตอนนี้ก็จะมีคุณหมอเวร (หมอที่อยู่เวรของวันนั้นจ้ะ ไม่ใช่คุณหมอเวรกรรมนะจ๊ะ) ถ้าคุณจะฝากพิเศษก็จะให้หมอเวรดูแลให้ค่ะ ถ้าไม่ฝากพิเศษจะเป็นพยาบาลทำคลอดให้ค่ะ แต่ถ้ามีเหตุที่ทำให้คลอดเองไม่ได้ หมอเวรก็จะมาดูแลให้นะคะ แล้วแต่คุณค่ะ" แม่ก็คิดแล้ว เคยได้ยินมาว่า พยาบาลทำคลอดให้ ไม่ค่อยดี เค้าไม่ค่อยดูแลเรา แม่ก็เลย บอกเค้าไปว่า "ฝากค่ะ ฝากพิเศษค่ะ" (ตอนนั้นก็เจ็บท้องอยู่อย่างต่อเนื่องจ้ะ)

พอเรื่องฝากพิเศษเรียบร้อยลง พยาบาลก็บอกแม่ว่า "จะเร่งคลอดให้นะคะจะได้คลอดเร็วๆ ไม่เจ็บนาน ให้ทางน้ำเกลือนะคะ" หลังจากใส่สายน้ำเกลือไม่ถึง 5 นาที (ขณะนั้นเวลา 9.10 น.) แม่ปวดท้องบิดมาก ปวดเป็นช่วงๆ ทุกๆ 5 นาทีเลย พอเวลา 10.10 น. คุณพยาบาลมาตรวจปากมดลูก บอกว่าเปิด 4-5 เซ็นต์แล้ว แม่ก็ปวดมากๆ ตอนนี้ ปวดทุกๆ 3 นาทีแล้ว โอ้ย! ปวดๆๆๆๆ ระหว่างนั้นคุณหมอเวร(คุณหมอที่มาดูแลแทนคุณหมอวันชัย ชื่อว่าคุณหมออรกณิษฐาจ้ะ เป็นผู้หญิง)ก็เข้ามาดูเป็นระยะ ซักพักก็บอกคุณพยาบาลให้เจาะน้ำคร่ำได้ แม่ก็นอนปวดและก็ได้ยินแต่เสียง จ๊อกๆๆๆๆ เหมือนน้ำหยด คงจะเป็นเสียงน้ำคร่ำแน่ๆ ต่อจากนั้นความเจ็บก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณจ้ะ พอเวลา 11.10 น. คุณหมอก็มาตรวจอีกที บอกว่า "ตอนนี้ปากมดลูกเปิด 7-8 เซ็นต์แล้วนะ เก่งมากค่ะ ตอนนี้ถ้าอยากเบ่ง ปวดอึ ให้เบ่งได้เลยนะคะ" ต่อจากนั้นเป็นเวลาที่แม่เจ็บที่สุดในชีวิต ปวดท้องไปหมดเหมือนคนมาบิดใส้ แม่ร้องโอยๆๆด้วยแต่ไม่กล้าร้องดัง แม่อาย ก็จำที่แม่ปลา (เพื่อนของแม่ เป็นคุณแม่พี่อลีฟไงจ้ะ) แม่ปลาบอกว่าถ้าปวด ให้หายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เป่าลมออกมาจากปากเหมือนเป่าเค้ก แม่ก็ทำตามนะ แต่ต้องทำหลายครั้งมากๆ สลับกับร้องโอยๆๆ พอนึกได้ก็เป่าเค้กต่อ เพราะตอนนี้เจ็บทุกๆ 1 นาที เว้น 1 นาทีแล้วจ้ะ แม่เจ็บเหลือเกิน แม่ก็ลูบท้องบอกลูกด้วยนะจ้ะว่า "ลูกแม่ ช่วยแม่ด้วยนะ เราช่วยกันนะจ้ะ ลูก" แม่เจ็บท้อง แม่ก็จิกไปทั่วจิกหมอน จิกที่นอนบ้าง ระหว่างนั้นเตียงอื่นๆ ก็กำลังจะคลอดเหมือนกัน (ในห้องนั้น มีประมาณ 3-4 เตียงจ้ะ แต่จะมองกันไม่เห็นนะ เพราะว่ามีม่านพลาสติกมาปิดไว้จ้ะ) แม่ได้ยินเสียงคุณพยาบาลเค้าสอนเบ่ง เค้าสอนหายใจ แม่ยังแอบนึกเลยพยาบาลที่นี่ดีจังเลย พูดจาเพราะ ไม่โมโห (เพราะเคยได้ยินพยาบาล รพ.รัฐ ไม่ง้อคนไข้ พูดจาก็ไม่ดี แต่ที่นี่ไม่ใช่เลย)บางคนร้องอย่างเดียว คุณพยาบาลก็บอกว่า "ไม่ได้นะคะ เราต้องช่วยลูกด้วย ตอนที่เราเจ็บ อ๊อกซิเจ้นของลูกก็จะน้อยลงไปด้วย เราต้องหายใจลึกๆ เพื่อให้ลูกได้อ๊อกซิเจนด้วยนะคะ" แล้วก็พูดอย่างใจเย็นมากๆ บางคนเบ่งๆ คุณพยาบาลก็บอกว่า "ถ้าปากมดลูกยังเปิดไม่มากอย่าเพิ่งเบ่งนะคะ เพราะเดี๋ยวปากมดลูกจะบวม จะทำให้คลอดยากค่ะ ถึงเวลาค่อยเบ่งนะ" แม่ฟังไปด้วย ก็ทำตาม เพราะเตียงแม่ ก็จะมีคุณพยาบาล และคุณหมอเดินเข้าออกอยู่ แต่ไม่มีใครมาคอยประกบและพูดคุยกับแม่ (คงเพราะไม่ได้ยินเสียงแม่แน่ๆเลย แต่แม่ก็เจ็บบบบบบบบอยู่นะ (ประมาณ 11.45)คุณหมอมาคลำที่ท้องถามแม่ว่า "ปวดฉี่มั้ยคะ" แม่บอกว่า "ไม่ค่ะ ไม่" คุณหมอก็บอกคุณพยาบาลว่า "สวนปัสสาวะให้คุณแม่หน่อยค่ะ ท้องแข็งเลย มีปัสสาวะอยู่ เดี๋ยวลูกออกไม่ถนัด" (เค้าเล่ากันว่า สวนปัสสาวะ เจ็บที่สุด โธ่! จิ๊บๆ แม่ไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะแม่เจ็บท้องที่สุดในชีวิต นี่ถ้าตอนนั้นใครมาตัดขาไป ยังไม่รู้สึกเลยจริงๆ

(ประมาณ เที่ยง) คุณหมอมาดูแม่ บอกว่า"ปากมดลูกเปิดดีแล้ว รู้สึกอยากเบ่งอีมั้ยคะ" แม่ก็บอกว่า "อยากเบ่งค่ะ" คุณหมอก็บอกว่า"ถ้าอยากเบ่งก็เบ่งเลยนะคะ ปวดทีนึง ให้เราเบ่งให้ครบ 3 ครั้งนะคะ" แล้วก็มีคุณพยาบาลเข้ามาคนนึง บอกคุณหมอว่า "คุณหมอคะ ไปทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูดูให้เองค่ะ" คุณหมอก็ยิ้ม แล้วก็บอกว่า "ค่ะ" แล้วคุณหมอก็ออกไป (ที่ทานข้าวคงอยู่แถวๆนั้นแน่ๆ แม่คิดว่านะ คงจะรีบไปแล้วก็รีบมามั้ง) พอคุณหมอออกไป ซัก 2 นาที คุณพยาบาลก็เดินออกไปด้วย แต่แม่ซิ คราวนี้ปวดแบบอยากเบ่งอึแล้วนะ ขาหยั่งก็ยังไม่ได้ตั้ง แม่นอนอยู่ที่เตียงยกขาขึ้นมา 2 ข้าง มือ2ข้างก็จับกับข้อขาไว้ (เหมือนคลอดสมัยก่อนกับพื้นและมีผ้าสำหรับดึงช่วยเบ่งผูกไว้ที่คานน่ะจ้ะ แต่แม่ไม่มีผ้าที่ผูกไว้ที่คานก็เลยอาศัยจับข้อขาทั้ง 2 ข้างไว้ เป็นไง! เก่งมั้ยล่ะ คิดเองสดๆ ตอนนั้นเลยนะเนี่ย) ปวดนึงแล้วเบ่งให้ครบ 3 ครั้งอย่างที่คุณหมอบอก เอ้า! ปวดแล้ว (ขณะนั้นเป็นเวลา เที่ยง กว่าๆ จ้ะ)
เบ่งที่ 1: ไม่ออก แต่เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่จิ๊มิของแม่
เบ่งที่ 2: มีอะไรหลุดออกมาแล้ว แม่ก็ตะโกนว่า "ออกแล้วค่ะ ออกแล้วค่ะ"
ระหว่างนั้นก็เห็นมีเสียงตะโกนกันข้างนอกว่า "ออกแล้วๆ" แต่แม่อยากเบ่งอีกทีนึง ก็เลย....
เบ่งที่ 3: มีอะไรหลุดออกมาอีกแล้ว ทีนี้โล่งท้องมากๆ ความเจ็บเหลือเพียงนิดดดดเดียว (ลูกออกมาด้วยแรงเบ่งทั้ง 3 ของแม่ มานอนอยู่บนเตียง) คุณพยาบาลที่น่ารักๆ วิ่งเข้ามาก่อนมารับลูกไว้แล้วอุ้มขึ้นมา แล้วก็บอกว่า "ผู้ชายค่ะ" "เวลา 12.13 น.ค่ะ" และก็เอาเครื่องมือดูดปาก ดูดจมูก ก็ได้ยินเสียงลูก เง้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงดังเชียว และคุณพยาบาลก็ตัดสายสะดือให้แม่กับลูก และก็เอาลูกมาไว้ที่อกแม่ถามแม่ว่า "ลูกผู้หญิง หรือผู้ชายคะ" แม่ก็ตอบว่า "ผู้ชายค่ะ" คุณพยาบาลก็เอาข้อมือพลาสติกที่เป็นชื่อมาให้ดู "ดูข้อมือนะคะชื่อกับนามสกุล คุณแม่ถูกมั้ยคะ ชื่ออะไร นามสกุลอะไรคะ พูดด้วยค่ะ" แม่ก็อ่านและตอบไปว่า "ลักษมาวัณย์ ว่องวิวัฒน์ไวทยะค่ะ" พยาบาลก็บอกว่า "ดีมากค่ะ" (แม่เข้าใจว่า คุณพยาบาลต้องพยายามสื่อสารพูดคุยกับแม่เพราะว่า กลัวหมดสติไป แน่ๆ เคยอ่านมาเค้าว่างั้นนะ)แล้วคุณพยาบาลก็พาลูกออกไป บอกว่า "เดี๋ยวพาลูกไปทำความสะอาด และจะนำมาให้นะคะ" และคุณหมออรกณิษฐาก็เข้ามาแล้วก็บอกว่า "เดี๋ยวคลอดรกนะคะ" และก็เอาขาหยั่งขั้น นี่!!ทีนี้แม่ได้เอาขาพาดขาหยั่งแล้ว เอา!ๆ ขึ้นขาหยั่งคลอดรกก็ยังดีว้า ตอนนั้นแม่ก็ปวดท้องหน่วงๆพอดี คุณหมอก็บอกว่า "เบ่งนะคะ" พอแม่เบ่ง คุณหมอก็บอกว่า "รกคลอดแล้วค่ะ" ตอนนี้แม่ไม่ปวดอีกต่อไปแล้วจ้ะ และคุณหมอก็เย็บแผลที่ลูกผ่านออกมาให้จ้ะ โดยการฉีดยาชา และคุณหมอก็เย็บๆๆๆ อยู่ประมาณ 5-10 นาที คุณหมอก็บอกว่า "เสร็จแล้วนะคะ ให้คุณแม่นอนพัก ซัก 2 ชม. นะคะ ถึงออกไปได้" ระหว่างนั้น แม่ก็คิดถึงลูก ว่าลูกจะครบมั้ย เมื่อกี้ไม่ได้ถาม และก็คิดนู่นคิดนี่ คิดถึงคุณยายของลูก คิดถึงคุณแม่ที่คลอดเองทุกคน คิดถึงคนที่ทำร้ายแม่ คิดได้หลายเรื่องเลยจ้ะ และแม่ก็ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกท่านด้วยนะจ้ะ ที่ดลบันดาลให้แม่และลูกผ่านนาทีชีวิตที่ผ่านมานี้ได้อย่างปลอดภัย คิดจนครบ 2 ชม.เลยคิดดูซิ่ คุณพยาบาลก็พาลูกมาให้ดูดนมแม่ แม่ก็บอกคุณพยาบาลว่า "ยังไม่มีน้ำนมเลยค่ะ" คุณพยาบาลก็บอกว่า "ไม่เป็นไรค่ะ เพิ่มสายสัมพันธ์" แล้วก็พาลูกมาอยู่ในอ้อมแขนของแม่แล้วก็ให้ดูดนมแม่ด้วย แม่ถามคุณพยาบาลว่า "น้ำหนักลูกเท่าไหร่คะ" คุณพยาบาลบอกว่า "3220กรัมค่ะ" (วินาทีที่แม่เห็นลูก ลูกของแม่น่ารักที่สุดในโลกเลย ลูกมีรักยิ้มเหมือนแม่เลย แม่แอบเห็น แต่อย่างอื่นจำไม่ค่อยได้จ้ะ) ซักพักคุณพยาบาลก็มาพาลูกไปจ้ะ ซักพักก็มีแม่บ้านมาบอกว่า "ขอเงินที่เตรียมไว้ 100นึง จะไปซื้อผ้าอนามัยแบบห่วงมาให้ค่ะ" แม่ก็บอกว่า "ค่ะ" พร้อมทั้งส่งเงินให้ไป แล้วก็มีคุณพยาบาลนำรถเข็นมาหาแม่ และพยุงแม่พร้อมบอกแม่ว่า "ค่อยๆลุกนะคะ" แล้วก็ใส่ผ้าอนามัยแบบห่วงให้แม่ พาแม่ขึ้นรถเข็น และก็พามาทานข้าวที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ แม่กินไปได้ 3 คำเอง เพราะคิดเอาเองว่าถ้ากินเร็วต้องได้ไปหาลูกและคุณพ่อของลูกเร็วแน่ๆเลย ก็เลยบอกพี่แม่บ้านว่า "อิ่มแล้วค่ะ" พี่เค้าก็บอกว่า "กินน้อยจังเลย" และก็บอกให้อีกคนเตรียมพาลูกของแม่มาหาแม่จ้ะ แม่ก็นั่งรอสักแป๊บเดียวลูกก็ออกมาให้แม่อุ้มแล้ว พี่แม่บ้านก็เข็นพาแม่กับลูกออกไปหาพ่อแล้ววว พี่แม่บ้านบอกกับแม่ว่า "คลอดง่ายนะคะ ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย" แม่ก็ยิ้มให้ (และก็นึกในใจ เจ็บที่สุดในชีวิตเล้ยยย แต่ก็ ไม่กล้าร้องเสียงดัง ได้แต่เป่าเค้กให้อ๊อกซิเจนลูกอยู่น่ะซิ) (ขณะนั้นเป็นเวลา เกือบบ่าย 3 โมงจ้ะ)


พ่อของลูกดีใจใหญ่เลยถ่ายรูปแม่กับลูกเอาไว้


และพี่แม่บ้านก็เข็นพาแม่กับลูกไปพักที่ห้องพิเศษของ รพ.จ้ะ
(เป็น รพ.รัฐบาลที่แสนถูก แต่ห้องพิเศษที่แม่กับลูกพักเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะ อยู่ชั้นที่ 20 แน่ะ รพ.เอกชนที่อื่นสู้ได้ป่าว ค่าห้องคืนละ พันกว่าบาทเองด้วย ขออวด )

**ต้องขอบคุณแม่ปลา (แม่ของพี่อลีฟ) นะจ๊ะที่แนะนำสิ่งที่ดีๆ ให้กับครอบครัวเรา

มาถึงห้องแล้วจ้ะ ห้องใหญ่กว่าห้องพิเศษรพ.เอกชนบางที่ถึง 2 เท่าแน่ะ**ภาพ รพ.(เหมือนห้างสรรพสินค้าเลย ดูใหม่สะอาดและไม่น่ากลัวด้วยจ้ะ)และก็ห้องที่เราอยู่กันจ้ะ มองไปข้างนอกเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะจ๊ะ สบายตามากๆ


แม่นอน รพ.อยู่ 3 วันจ้ะ ตั้งแต่วันพฤหัสที่ 3เม.ย.ที่ลูกเกิด พอวันอาทิตย์ที่ 6 เม.ย. แม่กับลูกก็ได้กลับบ้านกันจ้ะ (อ้อ! นอกจากสถานที่ของ รพ.จะดีแล้ว ทั้งพยาบาล และคุณหมอก็น่ารักมาก เค้าแยกให้เลยสำหรับคุณหมอเด็ก และคุณหมอแม่ คอยประเมินดูทุกวัน

-สำหรับแม่ มีพยาบาลมาดูแผลทุกวัน วันละ 2 รอบ ว่าแผลที่เย็บมีอาการบวมมั้ย อักเสบมั้ย คอยถามเรื่องฉี่ เรื่องอึ ด้วย คอยดูเรื่องน้ำนม จะเข้ามาถามแม่ว่า "น้ำนมมายัง" (ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม) และก็บีบดูนมแม่ทุกๆ ตี 2 เลยจ้ะ และก็บอกว่า"เดี๋ยวน้ำนมก็มานะ ไม่เป็นไร"
และก็มีคุณหมอเจ้าของไข้มาตรวจแผล พร้อมทั้งมาเยี่ยมตลอด

-สำหรับลูก มีพยาบาล และคุณหมอเด็กโดยเฉพาะ จะคอยประเมินว่า ทุกเช้าน้ำหนักลูกเท่าไหร่ วันต่อไปมีน้ำหนักลดลงมั้ย (ของลูกน้ำหนักลดลงมาด้วยเนื่องจากแม่ไม่มีน้ำนมให้ลูก หลังจากคลอด 2 วัน น้ำหนักลูกก็เลยลดลง จากที่คลอดออกมาด้วยน้ำหนัก 3220 กรัม วันต่อมา เหลือ 3030 กรัม วันต่อมาน้ำนมแม่เริ่มมาเพราะว่าลูกดูดนมแม่ทั้งๆที่ไม่มีน้ำนมอยู่ 5 ชม. ตั้งแต่3 ทุ่ม ถึงตี 2 แม่สงสารลูกเหลือเกิน ดูดไม่มีน้ำนมก็ร้องสะอื้นแม่ต้องไปขอนมจากหน้าเคาท์เตอร์มาให้ลูก คุณพยาบาลให้นมมานิดนึงพร้อมกับสลิ้ง แต่ไม่ให้หยอดที่ปากลูกนะ เค้าให้ลูกดูดที่นมแม่แล้วค่อยๆ หยอดนมจากสลิ้งเข้าทางมุมปากของลูก ให้ลูกเข้าใจว่าเป็นน้ำนมจากเต้าแม่น่ะจ้ะ หลังจากที่ลูกดูดอยู่นานนนน น้ำนมก็เริ่มมา พอไปชั่งน้ำหนักลูกอีกที น้ำหนักอยู่ที่ 3050 กรัม ขึ้นมาแค่ 20 กรัม แต่คุณพยาบาลบอกว่า "ดีค่ะ ยังถือว่าขึ้น เพราะบางคนน้ำนมแม่เริ่มมาแต่น้ำหนักตัวลูกลดลง")

(ที่นี่ ถ้าน้ำหนักเด็กลดลง หรือน้ำนมแม่ยังไม่มา หรือเด็กมีปัญหาเกิดอาการตัวเหลือง ก็ไม่สามารถนำลูกกลับบ้านได้จ้ะ)

คุณพยาบาลบอกแม่ว่า "ถ้าคุณหมอแม่ให้แม่กลับ แต่คุณหมอลูกยังไม่ให้ลูกกลับก็ยังกลับไม่ได้ หรือถ้าคุณหมอแม่ยังไม่อนุญาติให้แม่กลับ แต่คุณหมอลูกให้ลูกกลับได้ ก็ยังกลับไม่ได้ทั้งคู่" (เพราะที่นี่เค้าจะเน้นเรื่องสายสัมพันธ์แม่ลูก ทั้งคู่ต้องปลอดภัยกลับไปพร้อมกันจ้ะ ซึ่งแม่ประทับใจมาก)

**แม่และลูกได้กลับพร้อมกัน เพราะ
-คุณหมอแม่ เห็นว่าแผลแม่ไม่มีอาการบวม ไม่มีการอักเสบ แม่ไม่มีไข้ น้ำนมแม่มาแล้ว
-คุณหมอลูกบอกว่า ลูกน้ำหนักขึ้นมาแล้วก็ถือว่าOk.เพราะแม่มีน้ำนมให้แล้ว กลับไปบ้านคงให้ต่อได้ ลูกไม่มีอาการตัวเหลือง ปอดและหัวใจแข็งแรงดี

**กลับออกมาด้วยราคาเช็คบิลทั้งหมดแล้ว อยู่ที่ 9 พันกว่าบาทรวมค่าคลอดค่าหมอค่าพยาบาลเด็กและแม่,ค่าห้องพิเศษชั้น 20,ค่าอาหารพิเศษ และรวมไปถึงคุณหมอและพยาบาลที่แสนพิเศษ ทั้งดูแล เอาใจใส่ อบอุ่นมากๆเลยจ้ะ

***แม่กับพ่อรักลูกที่สุดเลย ลูกเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดของแม่กับพ่อนะจ๊ะ***