เปาโล 1500
http://www.paolohealthcare.com/new_paolo/Program15.htmlคลินิกโรคภูมิแพ้โรงพยาบาลมิชชั่น
บริการตรวจรักษาโรคภูมิแพ้
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ และวิทยาภูมิคุ้มกัน
และทีมงานที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยภูมิแพ้ โรคหอบหืด
และโรคที่สัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่
บริการให้คำปรึกษา
เพื่อการปฏิบัติตัวให้ถูกต้องในการป้องกันการเกิดโรค
การลดสิ่งก่อกระตุ้นภูมิแพ้ การปฏิบัติขณะเกิดอาการ และการควบคุมโรค ผู้ป่วยจะได้รับความรู้
คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยจนเป็นที่พอใจ และร่วมกันวางแผนรักษากับแพทย์เพื่อให้เหมาะสมและได้ผลดีที่สุด
การทดสอบภูมิแพ้และการรักษาโรคภูมิแพ้ (Allergic Test and Treatment)
เมื่อไรจึงจะต้องทดสอบภูมิแพ้?
เมื่อสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น หอบหืด แพ้อากาศ เป็นหวัดง่ายหายยาก แพ้อาหารทุกชนิด แพ้ยา หรือมีผื่นคัน
เพื่อให้ทราบว่าแพ้อะไร จะได้หลีกเลี่ยงสารนั้นๆ
เพื่อนำสารนั้นๆมาทำวัคซีนภูมิแพ้
ก่อนมาทดสอบภูมิแพ้ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ควรงดยาแก้แพ้ แก้คัน ยาลดน้ำมูก ยาเสริมภูมิ ยารักษาภูมิแพ้ และยาต้านโรคซึมเศร้าบางตัว 7 วันก่อนมาตรวจ
ควรเป็นช่วงที่หายจากอาการหอบหืด ไม่มีไข้ หรือผื่นทั่วตัว และอาการป่วยหนักอื่นๆ ประมาณ 7 วัน
ควรใส่เสื้อที่พับแขนเสื้อได้หรือเป็นเสื้อแขนสั้น
ควรมีอายุมากกว่า 2 ปี (หากมีอาการแพ้มากอาจทดสอบก่อนอายุ 2 ปีได้)
แบ่งการทดสอบเป็น 2 วิธีใหญ่ๆคือ
1. การทดสอบในร่างกาย (INVIVO TEST) เป็นการนำสารมาทดสอบกับร่างกายเรา แบ่งย่อยๆได้ดังนี้
ทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test) จากการศึกษาจำนวนมากสรุปได้ว่าวิธีสะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test) จะสัมพันธ์กับสารก่อภูมิแพ้และอาการป่วยดีกว่าวิธีอื่นๆ ใช้เวลาเพียง 15-30 นาที สามารถทำได้ครั้งละหลายชนิด ราคาไม่แพง (ประมาณ 1600 บาท/12สาร/ครั้ง)
ทดสอบโดยการท้าทาย (Challenge Test) เป็นการนำสารมาในปริมาณเพียงเล็กน้อยตามที่คำนวณได้ มาทดสอบโดยการรับประทาน ฉีด หรือทา แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณ แต่จะต้องทำในโรงพยาบาลและมีผู้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
2. ทดสอบนอกร่างกาย (IN VITRO TEST) เช่นการเจาะเลือดไปตรวจ ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถหยุดยาได้แต่ราคาแพงมาก ใช้เวลานาน เสียเลือดเจ็บและตัวมาก ส่วนผลไม่ไวเท่าวิธีแรก
มีวิธีการรักษาโรคภูมิแพ้อย่างไรบ้าง?
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
หากยังมีอาการต้องใช้ยา/วัคซีนภูมิแพ้ช่วยในการรักษา
ควรจะฉีดวัคซีนโรคภูมิแพ้เมื่อไร?
เมื่อรักษาด้วยวิธีอื่นๆแล้วอาการไม่ดีขึ้น ดีขึ้นไม่มาก หรืออาการทรุดหนัก หรือมีอาการร่วมหลายระบบเช่น หอบหืด และแพ้อากาศ
ต้องการสร้างภูมิด้วยตัวเองและเปลี่ยนแปลงการดำเนินโรคได้
ไม่อยากใช้ยาหลายตัวหรือใช้ยานานๆ
มีวิธีการฉีดยาภูมิแพ้อย่างไร?
เริ่มฉีดจากการเตรียมสารก่อภูมิแพ้ชนิดเจือจางมากๆ ฉีดให้ผู้ป่วยครั้งละน้อยๆ แล้วค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นและปริมาณขึ้นจนถึงระดับที่ต้องการ ในช่วงแรกจะฉีดทุกสัปดาห์ เมื่อถึงระดับที่ต้องการแล้วจะฉีดห่างขึ้นๆเป็นเดือนละครั้ง
ต้องฉีดนานเท่าไร? ได้ผลดีหรือไม่?
นับตั้งแต่เริ่มฉีดไปประมาณ 6-12 เดือน วัคซีนภูมิแพ้ก็จะออกฤทธิ์เต็มที่ซึ่งได้ผลประมาณ 70-90 % ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและสามารถลดยาได้ ในบางรายอาจหยุดยาได้หมด
ค่าใช้จ่ายสูงหรือไม่?
หากมองระยะยาวแล้วราคาวัคซีนจะถูกมาก (ประมาณ 1500 บาท/ขวด) 1 ขวดฉีดได้ 10 ครั้ง นั้นคือ เดือนละ 150 บาท (ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการอื่นๆ) แต่ในระยะแรกจะต้องเปลี่ยนขวดตามความเข้มข้นของวัคซีนที่เพิ่มขึ้น 5 ครั้ง/ขวด
ต้องเตรียมตัวอย่างไรในการฉีดวัคซีนภูมิแพ้?
หากไม่สบาย หอบหืดกำเริบ อดนอน เพลียมาก ป่วยหนัก ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีด เพื่อแพทย์จะพิจารณางดการฉีด ฉีดเท่าเดิม หรือเพิ่มความเข้มข้น
หลังฉีด ควรนั่งพักรอสังเกตอาการประมาณ 30 นาที
ไม่ควรออกกำลังกายภายใน 2 ชั่วโมงหลังฉีด
ผลข้างเคียงของวัคซีนภูมิแพ้มีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปจะมีอาการเจ็บๆคันๆเป็นเม็ดคล้ายๆลมพิษเล็กๆบริเวณที่ฉีด แต่ในบางรายหากป่วยหนัก พักผ่อนน้อยหรือมีอาการหอบหืดอยู่ อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงขึ้น เช่น ลมพิษทั้งตัว บวมในคอ หายใจดังหวี๊ด เป็นลมหรือช๊อค ซึ่งพบได้น้อยมาก(ในประสบการณ์ของผู้เขียนไม่เคยพบเลย เนื่องจากทำการตรวจร่างกายของผู้ป่วยก่อนฉีดวัคซีนภูมิแพ้ก่อนทุกครั้ง)
อนุเคราะห์ข้อมูลโดย นพ.วิชาญ บุญสวรรค์ส่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกัน