Author Topic: แชร์ประสบการณ์ ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกาที่ละเอียดและได้ผลดีที่สุด เท่าที่เคยมีมา  (Read 27302 times)

ontcftqvx

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ หลายท่าน  มีปัญหาเกี่ยววกับการขอวีซ่าอเมริกา  จึงขอลิ้งเวปที่มีประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ ใน BP นี้นะค่ะ เทคนิคต่างๆเกี่ยวกับการขอวีซ่าอเมริกา  เผื่อบางท่านอาจจะยังไม่เคยอ่าน  ส่วนท่านที่เคยอ่านในเวปนี้แล้วขอบอกดีมากๆเลยค่ะ   เลยก็อปเอามาวางไว้ที่ BP แล้วกันค่ะ  เพื่ออำนวยความสะดวก   หากชอบและอยากให้กระทู้นี้อยู่นานๆ ซักอาทิตย์  รบกวนช่วยกดโหวต  ให้ด้วย จักขอบคุณมากค่ะ   ข้อมูลเครดิต จาก  http://webboard.mthai.com/10/2007-08-09/339212.html


ก่อนอื่นออกตัวก่อนนะครับ ว่าเขียนข้อมูลนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการจะไปอเมริกาจริงๆ

ไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หรือมีส่วนได้เสียอะไรกับใครทั้งสิ้น เขียนเพราะประสบกับตัวเองโดยตรง

และอยากให้เป็นความรู้กับเพื่อนๆ ทั้งหมดนี้ เขียนมาจากใจและประสบการณ์จริงครับ เพราะตอนที่ผมจะไปขอ ผมก็พยายามหาข้อมูลจากในเว็บ แต่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรมากนัก

เห็นมีหลายเว็บแล้วที่พยายามจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าไปอเมริกา แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่บอกได้อย่างละเอียดหรือเข้าใจขั้นตอนอย่างแท้จริง

สุดท้ายก็กั๊กกันไว้ แล้วก็ไปจบที่ ลองไปโทรปรึกษาบริษัททัวร์หรือตัวแทนโน่น นี่ นั่น เพื่อเงินทั้งนั้น เห็นแล้วรำคาญตารำคาญใจครับ

และขอโทษผู้ที่ทำธุรกิจประเภทนั้นด้วย หากข้อมูลของผมมันไปกระทบกัยการทำมาหากินของคุณ เพราะผมเจตนาดีครับ



ก่อนจะอ่านขอย้ำนะครับ ว่าอย่าอ่านข้ามแม้แต่บรรทัดเดียว ถ้ามีเวลาถึงค่อยอ่าน ถ้าอ่านแบบข้ามไปข้ามมา ขอร้องครับ ลบทิ้งไปเลย

เพราะคุณจะพลาดเทคนิคหรืออะไรดีดี ที่ผมพยายามถ่ายทอดแบบหมดเนื้อหมดตัว ผมสละเวลาอันมีค่าของผมมาถ่ายทอดให้คุณอ่านแล้ว

ถ้าคุณไม่ตั้งใจอ่าน ก็ปิดไปเลยครับ อย่าได้ขาดความเคารพในความเสียสละของผมเชียว ( ดุไปมั้ยวะเนี่ย )



เข้าเรื่องเลยนะครับ ไม่อ้อมค้อมแล้ว ทำไมถึงต้องมีขั้นตอนหรือการเตรียมตัวล่วงหน้าที่ดี

เพราะ วีซ่าอเมริกาไงครับ โหดที่สุด หินที่สุด เท่าที่คุณจะหาได้จากโลกใบนี้ ถ้าคุณได้วิซ่าจากประเทศนี้แล้ว ประเทศอื่นคุณก็ไม่ต้องห่วงแล้วครับ ผ่านฉลุย

มันเหมือนเป็นใบผ่านไปยังโลกที่ 3 ได้เลยยังไงยั่งงั้น เพราะฉนั้นถ้าเตรียมตัวไม่ดีหรือข้อมูลไปปึ๊กจริง อย่าไปเลยครับ เสียดายค่าธรรมเนียม 100us. เปล่าๆ



ก่อนอื่นเลยนะครับ ถามตัวเองก่อนเลยว่าจะไปชัวร์มั้ย ถ้าชัวร์ จะไปวันที่เท่าไหร่ ไปช่วงไหน และที่สำคัญที่สุด จะกลับเมื่อไหร่ และหากมีความคิดที่จะไปแล้วไม่กลับ

หวังจะไปเป็นโรบินฮู๊ดที่นั่น ก็เลิกคิดเถอะครับ อย่าเสี่ยงเลย เพราะเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาไม่ใช่หมูที่คุณจะเคี้ยวได้ง่ายๆ เหมือนสถานฑูตอื่นๆ

เจ้าหน้าที่ของเค้าได้รับการฝึกอบรมโดยตรงจาก CIA และ FBI ( เผลอๆเก่งกว่าหน่วยสืบราชการบ้านเราอีก ) เพราะฉนั้นการกระทำอะไรที่ส่อแววพิรุด หรือไม่บริสุทธ์ใจ เชื่อเถอะครับว่าเค้ารู้ก่อนที่คุณคิดจะทำอีก แล้วทีนี้ตัวคุณเองนั้นหล่ะที่จะไม่มีโอกาสได้ไปเหยียบอเมริกาอีกเลยตลอดชีวิต เผลอๆ อาจรวมถึงประเทศพันธมิตรในภายภาคหน้าด้วย

เพราะคุณโดนหมายหัวไปเรียบร้อย และข้อมูลก็ ONLINE กันหมด เพราะฉนั้นอย่าเสี่ยง

เมื่อคุณได้วันเดินทางที่แน่นอน ได้รัฐและที่พักที่คุณจะไปแน่นอน และได้ช่วงวันกลับที่แน่นอนแล้ว

ขั้นตอนต่อไปคือ สำรวจคุณสมบัติตัวเองเลยครับ ตรวจและรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับชีวิตและสถานภาพตัวคุณเองได้เลยตามนี้

คุณเป็นใคร แต่งานหรือยัง บ้านอยู่ที่ไหน พ่อแม่พี่น้องกี่คน เรียนอะไร ทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ มีเงินเก็บในบัญชีเท่าไหร่ มีภาระหนี้สินอะไรบ้างที่ต้องรับผิดชอบ çอันนี้สำคัญมาก

เพราะมันจะช่วยยืนยันได้ว่า คุณหนีไปไหนไม่รอดเพราะมีหนี้สิน อาทิ เช่น การผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต อย่าอายครับ ยิ่งมียิ่งดี

เมื่อคุณสำรวจตัวเองจนมั่นใจแล้วว่า คุณรู้จักตัวเองทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็ไปหาเอกสารหลักฐานมายืนยันครับ ไม่ใช่คุณบอกว่า คุณเป็นโน่นเป็นนี่แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดง

ก็เงียบไปดีกว่าครับ เค้าจะมองว่าคุณโกหกซะเปล่าๆ ถ้ายังเรียนอยู่ ให้ไปเอาใบรับรองมาให้หมด บอกที่เรียนว่า ขอใบรับรองเพื่อไปขอวีซ่า เดี๋ยวเค้าจัดให้เอง

เรียนจบมาจากที่ไหน พยายามไปค้นใบปริญญาหรือวุฒิต่างๆมาให้หมด ( เรื่องเอกสารจำไว้นะครับว่าต้องใช้ตัวจริงเท่านั้น อย่าได้นำสำเนาแล้วเซ็นรับรองมาเชียว

เพราะหลังจากเค้าใช้เสร็จแล้วจะคืน ทุกอย่างให้กับคุณ เค้าไม่อยากเก็บไว้ให้รกครับ ไม่ต้องกลัวหายนะ ) บัตรประชาชนตัวจริง เอาติดไปด้วย

passport ต้องไม่หมดอายุ ถ้ามีเล่มเก่าเคยไปไหนมาไหนมาแล้ว เอาติดไปด้วย

ทะเบียนบ้านไม่ต้อง สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านก็ไม่ต้อง ถ้าคุณเคยเปลี่ยนชื่อ เอาใบเปลี่ยนชื่อไปด้วย ตัวจริงเท่านั้น

จำไว้ว่าคนที่กำลังเรียนอยู่มีโอกาสดีกว่าคนที่เรียนจบแล้ว และ ยังไม่ได้เรียนต่อหรือทำงาน

ส่วนคนที่ทำงานแล้วก็เตรียมวุฒิที่จบไปด้วย ยิ่งจบมหาลัยดังๆยิ่งมี % ดีเข้าไปอีก เพราะเค้ารู้จักนะครับ ฝรั่งอยู่ไทย รู้จักหมด ยิ่งจุฬา ธรรมศาสตร์ เอแบค รังสิต กรุงเทพ นี่เค้ารู้จักดีเลย

หลังจากนั้น คุณเดินไปฝ่ายบุคคลของที่ทำงานนะครับ แล้วขอใบรับรอง บอกเค้าว่าจะไปทำวีซ่า ถ้าบริษัทคุณมีมาตรฐานพอ รับรองครับ เค้าจะจัดให้คุณได้ครบชุด

อย่าลืมให้ทางที่ทำงานระบุ วันที่ลามาด้วย ว่า คุณได้ทำการลางานในช่วงที่คุณจะไปไว้เรียบร้อยแล้ว ทีเด็ดเลยครับ ตรงนี้ หลายคนมีใบรับรองการทำงาน รับรองเงินเดือน แต่ไม่มีใบลาไปครับ

ก็มี % อดได้กลับมาแน่นอนครับ ในกรณีที่คุณเป็นเจ้าของกิจการส่วนตัว ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก คุณก็เตรียม เอกสารบริษัทของคุณไปด้วย แต่ใบจดทะเบียนจัดตั้งอะไรต่างๆไม่ต้องเอาไป

เอาพวกบัญชีบริษัท บิล ใบเสร็จรับเงินต่างๆ ใบยื่นภาษีต่างๆ ถ้ามีใบ contract กับบริษัทอื่นๆด้วยนี่รีบเอาไปเลย เมื่อได้ใบรับรองสถานภาพตัวคุณเองแล้ว ทีนี้ก็มาเรื่องเงินๆทองๆ ของคุณ โชว์เค้าไปครับว่าคุณมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ โชว์เค้าไปว่า คุณมีปัญญาหาเงินได้จากที่ประเทศของเรา ไปต้องไปพึ่งประเทศเค้า บางคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงเครียด

“ ตายห่าแล้วกรูมีเงินเหลือสองพัน จะรอดมั้ยวะเนี่ย “

อย่าวิตกครับ เพราะบางคนสิ้นเดือน มีเงินเหลือในบัญชีเพียง 34 บาทยังไม่พอค่าธรรเนียมแบงค์ด้วยซ้ำ แต่ขอให้มีเงินไหลเวียนอยู่ตลอด และบัญชีที่คุณใช้สามารถ

เรียกดูย้อนหลังได้มากกว่า 6 เดือนเป็นอันใช้ได้ ทีนี้คุณก็ไปธนาคารนะครับ ไปบอกเค้าว่า สำคัญมากนะครับตรงนี้ จดไปเลยยิ่งดี

ไปบอกธนาคารว่า ขอ statement เพื่อไปทำ visa และ ขอใบรายงานบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน – 1 ปี อีก 1 อย่าง รวมเป็นสองอย่างนะครับ

ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง ตรงนี้ผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกเช่นกันนะครับ แต่ถ้าใครมีของไทยพาณิชย์หล่ะก็ สบายใจโลดเลยครับ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะรู้เรื่องและเข้าใจขั้นตอนดีมากๆ

ที่แย๊บเรื่องนี้ เพราะว่าแฟนผมเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ขอพูดชื่อเลยนะครับ เพราะผมไม่ได้ว่าธนาคาร ผมจะพูดถึงพนักงานนะครับ

ผมทำเรื่องที่ไทยพาณิชย์ ทุกอย่างดีมาก ไม่ต้องทำอะไรต่อ แต่แฟนผมไปขอเอกสารจากกรุงเทพ สาขา พารากอน ว่างๆลองแวะไปครับ ว่าจริงแบบที่ผมพูดมั้ย

นอกจากพนักงานจะไม่รู้เรื่องหรือขั้นตอนอะไรแล้ว เค้ายังจะแนะนำคุณแบบปัดสวะความรับผิดชอบของเค้าที่ส่งผลต่อเนื่องมาจากกมลสันดาลที่ขี้เกียจส่วนบุคคล

โดยบอกลูกค้าว่า เอาแค่ใบนี้ใบเดียวพอ อย่างอื่นไม่ต้อง แถมมีเถียงอีก เพราะฉนั้นอย่าไปฟังครับ มันต้องใช้สองอย่าง แต่พวกนี้ขี้เกียจทำเรื่อง เพราะต้องส่งสำนักงานใหญ่

อย่าไปยอมนะครับ เพราะผมเจอมาเลยกับตัว นอกจากจะออกเอกสารให้ผมไม่ครบ สุดท้ายผมเลยโต้แย้งเพื่อความถูกต้อง เจ้าหน้าที่เลย print ใส่กระดาษที่ไม่มีมาตรฐาน

ของธนาคารมาให้ผม แล้วโกหกมว่าเอาไปใช้ได้ ดีนะครับที่ผมไหวตัวทันรีบขับรถไปสำนักงานใหญ่ที่สีลมเอง เท่านั้นหล่ะครับเป็นเรื่องเลย ไม่รู้ตอนนี้โดนไล่ออกไปหรือยัง

พนักงานที่ออกเอกสารปลอมเพราะความขี้เกียจส่วนตน นอกเรื่องมากไปนิ๊ด โทษทีครับ โอเค สรุปว่าเอกสารการเงินสองแบบนะครับ จำไว้



อย่าวิตกกับตัวเลขในบัญชีที่มีน้อย เพราะมีคนที่ผมรู้จักหลายคนที่มีเงินเป็นหลักล้าน แต่ก็ไม่ผ่าน เพราะเค้ากลัวเอาเงินย้ายหนีไปตั้งถิ่นฐานที่นั่น และก็รู้จักหลายคนที่เงินในบัญชีเหลือหลักร้อย

แต่ก็ไปได้ เพราะมีเงินหมุนเวียนตลอดตามวงจรชีวิตพนักงานเงินเดือนเข้าสาย บ่ายหลับ กลับก่อน ศุกร์เหมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา อย่าเครียดครับ และขอย้ำว่า อย่าได้ตกแต่งบัญชีเลย

บางคนไปยืมเงินเพื่อนแถมเสียดอกเบี้ย เพื่อมาแต่งให้บัญชีมีเงินเยอะๆ ถ้าคุณทำแบบนี้เท่ากับคุณดูถูกเจ้าหน้าที่อย่างแรง เค้าไม่โง่เชื่อหรอกครับ ว่าอยู่ดีๆหลักพัน แล้วลอยมาจากไหนวะเป็นแสน เพราะฉนั้น เอาความจริงครับ นอกเสียจากถ้าอย่างแต่งบัญชีจริงๆ ก็เตรียมตัวล่วงหน้าไปเลยครับ 6 เดือน ถ้ารอได้ก็เอา ไปยืมเงินมาใส่ไว้เลย

จบจากเรื่องเงินแล้ว ก็เข้าสู่เรื่องหนี้สินเลยครับ อันนี้สำคัญมากอย่างที่กล่าวไปในตอนแรก ถ้าใครคิดว่าอายที่จะบอกเค้าว่า รถต้องผ่อน บ้านต้องผ่อน บัตรต้องผ่อน นี่กลับด้านสมอง

อ้อมรอยหยักซีลีโบลั่มมาคิดใหม่ได้เลยครับ ยิ่งดีเลยถ้าคุณกล้าเปิดเผยข้อมูลพวกนี้ เพราะมันคือหลักฐานชิ้นสำคัญว่า ยังไงคุณก็ต้องกลับมา เพราะคุณหนีไปไหนก็ลำบาก

เนื่องจากเราได้ไปเซ็นภาระผูกพันธ์ไว้กับที่ต่างๆแล้ว ยิ่งผ่อนบ้านนี่ยิ่ง work เลยครับ ไปหาเอกสารมาให้ครบ ใครผ่อนบ้านก็เอาเอกสาร โฉนด อะไรต่างๆไปให้ครบ

ค่างวดรายเดือนอะไรต่างๆ ใบแจ้งหนี้ เอาติดไป เพื่อความบริสุทธิ์ใจ อย่ามองข้ามเด็ดขาด ใบเสียภาษีรายปี ภงด อะไรต่างๆ เอาติดไป ประกันชีวิต ถ้ามี เอาไปด้วย เอาติดไปทั้งเล่มใหญ่ๆนั่นหล่ะ อย่าได้คิดถ่ายสำเนาไปเชียว ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่า เอกสารทุกอย่างต้องตัวจริงเสียงจริงเท่านั้น และอย่าได้นำเอกสารเหล่านี้ใส่ซองอะไรต่างๆมาเชียว เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไม อ่านไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ

ในกรณีที่คุณมีญาติอยู่ที่นั่นและจะไปพักกับเค้า ให้เค้าเขียนจดหมายเชิญมาให้คุณด้วยครับ ถ้าไม่รู้จะบอกให้ญาติเขียนมาว่ายังไง ก็ดูตัวอย่างของผมนี่เลยครับ

address

To whom it may concern

CC: ชื่อของคุณ



I am ชื่อญาติคุณ and my wife we are both business owners of a Thai Restaurant which is “xxxxxx” locates on ที่อยู่ญาติคุณ

We are writing to inform you about our inviting ชื่อของคุณ whom are our nieces and nephew to visit us in United States of America

for 2 weeks from วันที่จะไป ถึง วันที่จะกลับ

According to their stay in the United Sates of America, I will take all responsibilities for their financials support during their

visits including Accommodations, Round Trip, and Traveling Expenses.

During the period, they will be staying at our current address which is stated above. We are also taking them to experience

other States within the United States and our accompany is guaranteed at all time.

Herewith I’m sending all the required documents for getting the necessary tourist visa from the US Consulate, as following
« Last Edit: April 05, 2011, 04:36:51 PM by webdesign »

ontcftqvx

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
เอกสารที่ส่งมาด้วย ใบรับรองบัญชีจากญาติ รูปถ่ายบ้านที่คุณจะไปพัก รูปญาติคุณ ID CARD หรืออะไรต่างๆ อันนี้ถ่ายสำเนาได้ครับ ไม่ต้องให้ญาติส่งตัวจริงมานะ สงสารเค้า

ถ้าเป็นกรณีที่คุณจะไปหาที่พักเอง คุณก็ขอใบ Reservation จากที่พักของคุณ print จากเว็บหรือโทรไปให้เค้า fax มาให้ด้วย



ตั๋วเครื่องบิน มีหลายคนโดยเฉพาะพวกบริษัททัวร์หรือเอเย่นต์ขายตั๋ว มันจะบอกผู้ไม่รู้ว่า ควรจะจองตั๋วไว้ก่อน และนำเอกสารการจองตั๋วไปสถานฑูดจะมี % ได้มากกว่า

เรื่องนี้ขอบอกว่า ไม่จริงครับ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อหรือจองตั๋วเครื่องบินก่อนล่วงหน้า ไม่มีผลอะไรที่แตกต่างหรือดีขึ้น นอกซะจากคุณจะเสียเงินฟรีๆ หากวีซ่าไม่ผ่าน

จะคืนตั๋วก็โดนเค้าหัก % ค่าเสียหายแล้วครับทีนี้ อย่าได้เชื่อใครว่าต้องใช้



ทีนี้มาถึงการเตรียมเอกสารที่สำคัญที่สุด หรือพูดง่ายๆว่า หัวใจของงานนี้เลยครับ

ก่อนอื่นใจเย็นๆ ตั้งสติ อย่าเครียด ทำตามขั้นตอนที่ผมบอก ให้ครบ อย่าข้าม อย่ากระโดด แล้วจะรู้ว่ามันไม่ยากอย่างที่คิด คนอื่นทำได้ คุณก็ต้องทำได้



ไปที่เว็บไซต์ สถานฑูตอเมริกา ที่

http://thailand.us-visaservices.com

หลังจากนั้นลองอ่านข้อมูลและศึกษาดูว่า กฏระเบียบเป็นอย่างไร

สิ่งที่ผมจะแนะนำ คือ ให้คุณ ลงทะเบียนการนัดหมายผ่านเว็บไซต์เท่านั้น เพราะถ้าคุณได้อ่านเมลล์นี้ หมายถึงคุณมีอินเตอร์เนตใช้ ถ้าคุณอ่านเมลล์นี้ แต่คุณโทรไปจองทางโทรศัพท์

ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี เพราะมันทั้งง่ายและสะดวก แต่ถ้าคุณจะดิ้นรน เพราะกลัวการใช้งานระบบต่างๆผ่านอินเตอร์เนต เพราะกลัวโน่นนี่นั่น ก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ



โอเคถ้าอ่านในเว็บแล้ว เค้าจะบอกว่า ให้คุณไปซื้อ pin จากที่ทำการไปรษณีย์ มาลงทะเบียน

แล้วทำไงหล่ะครับทีนี้ ไม่ต้องรอฟ้ารอฝนครับ มันไม่มี pin หล่นลงมาให้คุณหรอก ออกไปข้างนอกครับ ไปไปรษณีย์เลย มันต้องซื้อจากหน่วยงานราชการเท่านั้น

ไม่ต้องหาตัวแทนมาทำให้ เพราะเค้าชารจ์คุณหนักแน่ ทำเองครับไม่ยาก เติมเงินในบัตรมือถือยังยากกว่าเลย

ไปถึงไปรษณีย์ สาขาไหนก็ได้ แล้วไปบอกเค้าว่า มาซื่อ pin ลงทะเบียนเพื่อขอวีซ่าไปอเมริกาผ่านอินเตอร์เนต แค่นั้นเองครับ เจ้าหน้าที่เค้าจะรู้เลย

ผมจำราคาที่แน่นอนไม่ได้นะ แต่ไม่เกิน 400 บาทต่อ 1 pin จำไว้นะครับ ว่า 1 pin สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว ถ้าหากคุณมีนามสกุลเดียวกันและจะไปขอวีซ่าพร้อมกัน

ไม่ต้องซื้อเยอะให้เปลืองเงินหากเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะเดี๋ยวเข้าไปในเว็บมันจะมีเมนูที่ใช้คุณ apply ต่อให้คนในครอบครัวเดียวกันได้ นามสกุลต้องเหมือนกันนะ



โอเคทีนี้พอได้ pin มาแล้ว ก็กลับไปที่เว็บเดิมครับ



http://thailand.us-visaservices.com



แล้วเข้าไปที่เมนู ตกลงเข้าสู่ระบบ เสร็จแล้วก็ใส่ข้อมูลต่างๆ ตามความจริง พร้อมกับใส่รหัส pin ที่ไปซื้อมา ง่ายกว่าสมัคร hotmail อีก

ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย คุณจะทำการเลือกวันนัดสัมภาษณ์ได้เลยจากในเว็บ พร้อมกับ mail รับรองจากสถานฑูตที่ส่งมาให้คุณ print ทุกอย่างเก็บไว้และนำติดตัวไปด้วย

อย่าลืม คุณจะพบกับ เมนู Generate DS-156 Visa Application Form และ Obtain Forms DS-157 and DS-158 (if applicable)

ในเว็บไซต์ ให้คุณ download ออกมาครับ มันเป็นไฟล์ pdf ที่เค้าทำช่องไว้ให้คุณกรอกข้อมูลแบบดีที่สุดและง่ายสุดๆ

กรอกทุกอย่างให้ครบตามความจริงครับ ไม่เข้าใจศัทพ์ตรงไหน เปิด Dict อย่าเดา กรอกให้ครบ อ่านให้ละเอียด ว่าเค้าถามอะไร ตอบให้ตรงคำถาม

เสร็จแล้ว print ออกมาให้หมด อย่าลืมนะครับ ตรวจทานทุกอย่างให้ดีที่สุด กรอกให้ละเอียดที่สุด คุณสามารถ print แบบเอกสารเปล่าๆออกมาเพื่อกรอกด้วยลายมือได้นะครับ

ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมกรอกข้อมูลอย่างเดียว และอย่าลืม ท่องไว้เลยว่า ทุก เอกสารDS คือหัวใจ ถ้าเอกสารDS เป็นอะไรไป หาย ลืม ไม่สมบรูณ์ คุณก็อดแน่นอน ( เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไม )



มาถึงตอนนี้ ถ้าคุณทำทุกอย่างครบถ้วน เอกสารที่คุณจะมีอยู่ตอนนี้แล้วคือ

Passport , บัตรประชาชน, เอกสาร DS ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว, ใบรับบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน - 1 ปี , ใบรับรอง statement , ใบรับรองการทำงาน หรือ ใบรับรองการศึกษา พร้อมระบุวันลา, วุฒิการศึกษาต่างๆ , ใบรับรองภาระหนี้สินที่คุณมี , จดหมายรับรองที่พักที่คุณจะไปอยู่ในอเมริกา และ เอกสารยืนยันวันนัดหมายกับสถานฑูตผ่านเว็บไซต์

ถ้ามีไม่ครบตามนี้ ไปจัดการซะก่อน



หลังจากนั้น ออกไปไปรษณีย์ อีกรอบ คราวนี้รอบสุดท้ายแล้ว เตรียมเงินไปด้วย คนละ 3,600 บาท ไม่มีเหมาจ่าย ของใครของมัน

แล้วไปบอกเจ้าหน้าว่า มาจ่ายค่าธรรมเนียม ขอ visa ไปสหรัฐ เค้าจะถามคุณว่า ได้นัดวัน เวลา จองทุกอย่างเรียบร้อบใช่มั้ย คุณก็เอาใบนัดที่ print ออกมาให้เค้าดูไป

แล้วก็จ่ายเงิน เค้าก็จะให้ใบรับรองการจ่าย มาให้ 1 ใบ ห้ามหาย ห้ามขาด เพราะถ้าเอกสาร ds เปรียบเทียบได้กับหัวใจของภารกิจนี้แล้ว ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมก็คือ เส้นเลือดใหญ่

ของงานนี้เช่นกัน ไม่ว่า คุณจะเตรียมเอกสารได้สุดยอดขนาดไหน ขาดใบนี้ ก็จบ กลับบ้านมือเปล่าได้เลย



ภารกิจสุดท้าย…วันนัดสัมภาษณ์….

ก่อนวันนัด แนะนำว่า ตอนกลางคืน ก็มานั่งอ่านเอกสาร ds ที่คุณกรอกไปทบทวนดูสักรอบ จะได้ไม่พลาด

คุณจะไปที่ไหน ไปพักกับใคร กลับเมื่อไหร่ ข้อมูลทุกอย่าง แต่มันจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ถ้าทุกอย่างคือเรื่องจริง ให้เค้าถามคุณกี่รอบ คุณก็ตอบได้เหมือนเดิมถ้ามันคือเรื่องจริง

แต่ถ้าพวกที่แอบอ้างเรื่องโน้น เรื่องนี้ ระวังให้ดีหล่ะกันครับ เพราะคนที่จะไปคุยด้วย เค้าฝีกมากับ CIA และ FBI ถ้าคุณคิดว่าจะโกหกเค้าได้ก็ลองดูครับ

ไปถึงสถานฑูตล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ในใบเค้าก็จะบอกไว้ อย่าได้สายเชียวนะครับ นัดรอบไหนก็ไปก่อนครึ่งชั่วโมง เพราะไม่มีทางที่เค้าจะรอคุณแน่นอน

เมื่อไปถึง ก็ไม่ต้องรอฟ้าฝนหรือคนมาช่วยครับ เดินเข้าไปเลย ตามป้าย ไม่ต้องถามหรือปรึกษาใครแถวนั้น เพราะถ้าโชดี คุณจะเจอพวกที่เค้าบอกว่า รู้จักโน่นนี่นั่น ช่วยได้ อย่างโน้นอย่างนี้

แต่เชื่อเถอะว่าเสียเงินเปล่า อย่าสนอะไรเดินเข้าประตูไปเลย เพื่อเข้าสู่ด่านที่ 1 คุณจะพบกับยาม สี่ห้าคน พร้อมกับคำสั่งให้ปลดอาวุธ เอ้ย วางเอกสารเข้าเครื่อง scan และให้นำมือถือปิดเครื่องและฝากไว้ พร้อมกับบัตรฝากของ เดินเข้าเครื่องตรวจระเบิด เดินต่อไป จะเจอด่านสุดท้าย พร้อมกับคำสั่ง อ้าขาออก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเอาไม้ตรวจอาวุธ มาลูบไล้ไปทั่วเลือนร่าง

ให้ความร่วมมือเค้าด้วยครับ เรื่องซีเรียส เดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทาง จะเจอน้องๆหน้าตาหน้ารักน่าชังนั่งอยู่ ด่านที่ 2 เค้าจะขอดูใบนัด ซึ่งก็คือใบนัดเวลาที่คุณ print มานั่นเอง

เมื่อตรวจดูมีชื่อตรงกัน เค้าก็จะเปิดให้ผ่านเข้าไปยังด่านที่ 3 ด่านนี้คุณจะเจอกับ สาว 2 คน ยืนช่วยกันตรวจความถูกต้องของเอกสารที่คุณเตรียมมา

ทีนี้คุณ ก็จะรู้ว่า ทำไมผมถึงบอกว่า เอกสาร ds คือหัวใจ ไม่ว่าคุณจะเอกสารพร้อมแค่ไหน แต่ถ้า ds กรอกไม่เรียบร้อย คุณก็ผ่านด่านนี้ไปไม่ได้

เอกสารที่เตรียมมาทั้งหมด จะถูกคัดเลือกโดย เจ้าหน้าที่สองคนนี้ ทำงานหรือเรียนอยู่ เค้าก็จะเลือกให้เราเอง ไม่ต้องช่วยแนะนำเค้าเชียวนะครับ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เค้าจะจัดเอกสารที่สำคัญใส่แฟ้มแยกไว้ให้คุณ พร้อมกับบอกว่า เอกสารที่เหลือให้จัดไว้ให้ดี ถ้าอยู่ในซอง เอาออกจากซองให้หมด หลังจากนั้น เค้าจะให้คุณผ่านไปยัง

ด่านที่ 4 ด่านนี้ง่ายสุดครับ เพราะมันคือการซื้อซองจดหมายถึงตัวคุณเอง ราคา 65 บาทมั้ง อันนี้ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ แต่ไม่ถึง 100 ครับ จ่ายเงิน รับซองมา แล้วเขียนจ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง

เป็นภาษาอะไรก็ได้ครับ ระหว่างยืนกรอกเอกสารอยู่ มีเด็กวัยรุ่นคนนึงหันมาถามแฟนผมว่า พี่ครับ ตรงนี้ต้องเขียนว่าอะไรครับ แฟนผมทำหน้างงงง แล้วบอกว่า

เค้าให้ใส่ชื่อพ่อแม่ของคุณค่ะ เด็กคนนั้นอาจจะตื่นเต้นจัด รีบตอบกลับแฟนผมมาว่า ไม่มีครับ ผมและแฟนก็ได้แต่ยืนอึ้ง นึกในใจว่า อ้าว ชื่อพ่อแม่ไม่มีแล้ว เกิดมาได้ไงวะเนี่ย

แล้วเดินตามทางต่อไปถึงด่านที่ 5 ด่านนี้ เค้าจะตรวจเอกสารเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับออกบัตรคิวให้คุณ พร้อมกับการยื่นข้อเสนอว่า คุณ ต้องการสัมภาษณ์ ภาษาอะไร

ไทยหรืออังกฤษ เมื่อคุณเลือกแล้ว เค้าจะออกบัตรคิวมาให้ พร้อมกับชี้ทางให้คุณเดินทางผ่านไปยัง… ด่านสุดท้าย



ภารกิจสุดท้าย ด่านที่ 6

ประตูไม้สักสองบาน ตั้งตระหง่านปิดทางเดิน ทางเข้าออกสลับกันในบานเดียว เสียงเปิดดังเอี๊ยดอ๊าดเข้าสู่โสดประสาทหู เมื่อการการเคลื่อนไหว

มันช่างทำให้ดูมีมนตร์ขลัง สะกดจิตใจให้สันหลังเสียวว๊าบบ ขึ้นมา

เมื่อขาสองข้างกของผมก้าวย่างผ่านพ้นประตูเข้าไป อากาศที่เย็นเฉียบปานจะแช่หัวใจให้แข็งจนหยุดนิ่งประหนึ่งดัง น่ำแข็งแห้งที่ใส่มากับกล่องไอติมฮาเก้นดาส

วิ่งทะลุเข้าสู่ทั่วร่างกาย และตรงดิ่งไปสู่ขั้วหัวใจแบบฉับพลัน ทันใดนั้นเอง …

บ้าแล้ว !!! นี่มันขอวีซ่านะโว้ย ไม่ใช่ นิยายปัญญาอ่อน

โอเคครับ พอเข้าไปก็จะเป็นห้องกว้างงงงขวางงง มีที่นั่งเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอกับจำนวนคนที่รออยู่ในนั้น ที่ยืนมีครับไม่ต้องห่วง มีทีวีให้ดูแก้เซ็งระหว่างรอคิว

พร้อมกับห้องน้ำเอาไว้ คลายความตื่นเต้น บางคนอาจจะหาว่าเวอร์นะครับ แค่ไปขอวีซ่าจะอะไรมากมาย โอเคครับ ถ้าคุณเป็นลูกท่านหลานเธอ หลานอาเสี่ย น้องอาเฮีย ที่เกิดมาบนกองทอง

และไปเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆ โดยพ่อแม่จัดการให้ทั้งหมด เป็นพวกลูกแหง่แบบนั้น รับรองว่าคุณไม่มีทางได้เข้าถึงความรู้สึกแบบชนชั้นกลางอย่างผมที่ต้องดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเอง

ความรู้สึกตอนประกาศผลสอบต่างๆ หรือความรู้สึกตอนลุ้นบอลนัดชิง ปริมาณความกดดันและตื่นเต้น มีการพุ่งตัวขึ้นสูงขึ้นในระดับที่เท่ากันเลย

ป้ายสัญญาณอีเล็คทรอนิค พร้อมกับเสียงประกาศจากเครื่องคอมพิวเตอร์ พูดภาษาไทยสลับอังกฤษ ดังแบบต่อเนื่อง แต่ไม่เป็นจังหวะ ทิ้งระยะห่างบ้าง สั้นบ้าง

หมายเลขต่อไป ห้า ห้า ห้า เชิญที่ช่องหมายเลข 11 แฟนผมได้เข้ามาในด่านที่ 6 ก่อน จึงล่วงหน้ามาสำรองที่นั่งไว้ได้ เมื่อผมผ่านประตูเข้ามาจึงมองตรงไปที่เธอ และเข้าไปนั่งข้าง

โดยที่สมาธิทั้งหมด เพ่งไปที่หมายเลขคิว และเจ้าหน้าที่ประจำช่องหมายเลขต่างๆ ลักษณะห้องทำงาน ถ้าใครยังเข้าใจว่า เป็นการนั่งสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว นี่คิดผิดเลยครับ

การสัมภาษณ์ คือ การยืนคุยกันผ่านกระจกกั้น และมีไมค์และเครื่อง scan ลายนิ้วมือเป็นตัวกั้นกลาง นึกภาพไม่ออกก็นึกถึง เวลาไปเยี่ยมคนที่ติดคุกไว้ครับจะเห็นภาพ