Windows Mobile vs iPhone
นิตยสาร 6 กันยายน 2551 12:09 pm
http://www.dplusmag.com/insight-digital-technology-tech-trend/windows-mobile-vs-iphone.htmlสำหรับตลาดมือถือในปัจจุบันมีระบบปฏิบัติการของแต่ละค่ายออกมาให้เลือกใช้ตามความต้องการทำให้เกิดการแข่งขันและพัฒนากันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตัวเองได้เป็นเจ้าตลาด (งานนี้ผู้บริโภคอย่างเราๆได้รับประโยชน์ครับ ) ระบบปฏิบัติการที่มีให้เลือกใช้งานในปัจจุบัน เช่น Symbian (Nokia and ETC) , Windows Mobile (PDA Phone), Mac OS X (iPhone) และ Plam OS (Plam) เป็นต้น
และที่ดูเหมือนจะไล่ตามกันมาติดๆก็คือ Windows Mobile ที่ใช้ในพวก PDA Phone กับ Mac OS X ที่ใช้ใน iPhone เนื่องจากน้องใหม่จาก iPhone ได้สร้างมาตรฐานในการใช้งานขึ้นมาใหม่ให้กับตลาดของเทคโนโลยีและโทรศัพท์มือถือในด้านมัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งงานด้วยระบบสัมผัสโดยใช้นิ้วมือแตะ/เลื่อนที่หน้าจอ ระบบตรวจสอบความเคลื่อนไหวหน้าจอแนวตั้ง-แนวนอน และระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ รวมถึงการติดตั้งแอพพลิเคชั่นต่างๆที่ทำออกมาให้ใช้งานง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ สำหรับฝั่ง Windows Mobile ก็ตามมาติดๆด้วยการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของระบบโดยการออกเวอร์ชั่นล่าสุดคือ 6.1 (แต่เท่าที่สังเกตคงยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักคงต้องรอเวอร์ชั่น 7 เลย) ทำให้ในเรื่องของระบบปฏิบัติการ ดูเหมือนฝั่ง iPhone จะเหนือกว่าอยู่ 1 ถึง 2 ก้าว คงต้องลุ้นกันต่อไปว่า Windows Mobile จะกลับมาทวงตลาดได้มากน้อยเพียงใด
iPhone มีอะไรดี
ก่อนอื่นเรามารู้จักน้องใหม่ในวงการอย่าง iPhone กันก่อน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกที่เวอร์ชั่น 1.0.2 ก็สร้างความฮือฮาในตลาดได้ไม่น้อยด้วยลูกเล่นที่แปลกใหม่บวกกับการใช้งานที่ง่ายดาย (เพียงแค่ใช้นิ้วสัมผัส) และยังมีแอพพลิเคชั่นให้ดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ฟรี ซึ่งพัฒนาโดยโปรแกรมเมอร์ทั่วโลก (อันนี้เรียกกันว่า แฮค นะครับ) ไม่เพียงเท่านั้น iPhone ยังตอบสนองความต้องการในด้านอื่นๆ ด้วยฟังก์ชั่น iPod (เครื่องเล่นเพลง mp3 ที่ได้รับความนิยมมาก) ที่มีอยู่ในเครื่อง ซึ่งตอบโจทย์การฟังเพลงได้อย่างชัดเจน ในการรับส่งอีเมล์ก็สามารถทำได้และทำได้ดีซะด้วย จนผมเองก็ยังแปลกใจในความเร็วในการทำงานของเครื่อง นอกจากนั้นยังสามารถเรียกดูคลิปผ่าน YouTube (เว็ปไซต์ดูคลิปวิดีโอยอดฮิต) ค้นหาและเรียกดูตำแหน่งผ่าน Map หรือจะเล่นเว็บผ่าน Browser อย่าง Safari ก็ได้ ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงโปรแกรมพื้นฐานใน iPhone เท่านั้น คุณยังสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมผ่าน AppStore ที่ต้องการเพิ่มเติมได้อีกด้วย
iPhone 2.0 คือรุ่นปัจจุบันที่จะออกมาจำหน่ายวันแรกคือ 11 กรกฎาคม 2551 โดยในรุ่นนี้จะเรียกกันติดปากว่า iPhone 3G เนื่องด้วยในรุ่นนี้จะมีการเพิ่มฟังก์ชั่นโทรศัพท์ 3G เข้ามานั่นเอง (สำหรับความหมายของ 3G ดูด้านล่างของบทความ) ไม่เพียงเท่านั้น Apple ยังได้พัฒนาความสามารถต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น เพิ่ม GPS ใน iPhone และ เพิ่มระบบติดต่อแบบ Business เป็นต้น
Windows Mobile มีอะไรเจ๋ง
ข้ามฝั่งมาทาง Windows Mobile จากทาง Microsoft กันบ้าง ชื่อนี้คงรู้จักและคุ้นหูกันดีสำหรับผู้ที่ใช้ PDA Phone เพราะนี่คือระบบปฏิบัติการที่ใช้ใน PDA Phone ด้วยความสามารถที่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่มาไว้ในโทรศัพท์มือถือ จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัว วิธีการสั่งงานเครื่องต้องใช้สไตล์ลัส (หรือบ้างคนเรียกว่าไม้จิ้ม) สั่งงานทางหน้าจอ? ไม่สามารถใช้นิ้วได้เพราะเซ็นเซอร์จะไม่รับการสั่งงาน โปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่องเรียกได้ว่าทำงานได้อย่างสมบูรณ์และลงตัวมาก (แต่แอบช้านิดๆ) และถ้าต้องการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมก็สามารถหามาติดตั้งได้ง่ายมากๆ (บางโปรแกรมต้องเสียค่าใช้จ่าย)
โดยในปัจจุบัน Windows Mobile ได้พัฒนามาถึงเวอร์ชั่น 6.1 โดยรวมแล้วเวอร์ชั่นนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักถ้าเปรียบเทียบกับ Windows Mobile 6 (เหมือนกับเข็นออกมาให้ชนกับ iPhone มากกว่า) และถ้าต้องให้เปรียบเทียบระหว่าง iPhone 2.0 (3G) กับ Windows Mobile 6.1 ก็จะเปรียบเทียบกันได้ ดังนี้
ตัวเครื่อง iPhone 2.0 (3G) Windows Mobile 6.1
ระบบที่ใช้ในเครื่อง Mac OS X Windows Mobile 6.1
รองรับเครือข่าย?รองรับการทำงานทุกระบบในประเทศไทย (อาจต้องมีการปลดล็อคหรือติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม)?
หน่วยความจำและความจุ มีให้เลือก 2 แบบรุ่น 8 GB และ รุ่น 16 GB Rom: 256 MBRam: 192 MB DDR SDRAMInternal Storage : 4 GB (ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น โดยในตัวอย่างเป็นของ HTC Touch Diamond)
ขนาดของหน้าจอ 3.5 นิ้ว 2.8 นิ้ว บางรุ่นสูงถึง 5 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น)
ความละเอียดหน้าจอ 320×480 Pixels บางรุ่นสูงถึง 800×480 Pixels
รองรับการทำงานแบบ 3G HSDPA 3.6 สูงสุด HSDPA 7.2
รองรับการทำงาน Video Calling (3G) ไม่รองรับ (แต่อาจจะรองรับในรุ่นต่อไป) รองรับการทำงาน (แล้วแต่รุ่น)
รองรับระบบ Multi-touch รองรับการทำงาน ไม่รองรับการทำงาน
การสั่งงานแบบทัชสกรีน ใช้นิ้วในการสั่งงาน และสไตล์ลัสที่มาพร้อมตัวเครื่อง
รองรับการทำงาน Microsoft Exchange, Push email และอื่นๆ
สามารถรันโปรแกรมพร้อมกันหลายๆตัวได้/ไม่สามารถรันพร้อมกันได้ สามารถรันโปรแกรมพร้อมๆกันได้ (แต่อาจทำให้เครื่องทำงานช้าลง)
แอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม ติดตั้งผ่าน AppStore มีแบบทั้งฟรีและไม่ฟรี หาง่ายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (แพงมากถ้าเทียบกับ iPhone) แต่บางโปรแกรมก็ใช้งานได้ฟรี
การเชื่อมต่อ Bluetooth 2.0+EDRWi-Fi (802.11b/g) Bluetooth 2.0 With EDRWi-Fi :IEEE 802.11 b/g
Built-in GPS AGPS GPS และ AGPS
รองรับ GPS navigation Software และมีให้เลือกใช้งานมากมาย
ความละเอียดของกล้อง 2 megapixel 2-5 megapixel (ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น)
ราคา 199 USD (ในรุ่น 8GB)299 USD (ในรุ่น 16GB) 400 USD (ราคาโดยประมาณ บางรุ่นอาจถูกหรือแพงกว่า)
รายละเอียดดังกล่าวเป็นเพียงข้อเปรียบเทียบขั้นต้นเท่านั้น ยังมีรายละเอียดอื่นๆที่ใช้ในการประกอบการตัดสินใจอีก ผมเองไม่ได้เทใจไปให้ iPhone หรือ Windows Mobile นะครับ เพราะผมเองก็ใช้ทั้ง 2 เครื่องก็รู้สึกดีคนละแบบครับ ในข้อนี้ต้องอยู่กับผู้ใช้เลือกเครื่องที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราและเงินในกระเป๋าด้วยนะครับ เพราะเงินที่เสียไปเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็