เมื่อกระแสท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองในลักษณะสะพายเป้ แบบว่าไม่ง้อทัวร์ เริ่มเข้ามาเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการหาประสบการณ์แปลกใหม่ในต่างแดน เค้าเหล่านั้นเริ่มแสวงหาประเทศที่ปลอดภัยสำหรับการเริ่มต้นเป็นนักแบ็คแพ็คไม่ว่าจะเป็นวัยละอ่อนหรือว่าวัยเก๋า ก็ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมทั้งมีจุดหมายปลายทางที่พร้อมจะปักหมุดได้แบบสวยงาม น่าสนใจและบรรยากาศแปลกตา หลายคนมีคำว่าเที่ยวเกาหลี เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์อยู่ในหัว แต่ตัดสินใจไม่ถูก
เรามาดูที่ความคล้ายๆ กันของทั้งสองประเทศนี้
1. การคมนาคม ทั้งสองประเทศก็มีระบบรถไฟที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหลวง หรือว่าจะเดินทางออกนอกเมืองหลวงไปตามต่างจังหวัดทั้งสองก็มีรถไฟความเร็วสูงด้วยกันทั้งนั้น แต่หากดูกันในเชิงลึกแล้ว ญี่ปุ่นมีสายรถไฟที่มากกว่า ทั้งในโตเกียวก็มีทั้งบนดินและใต้ดิน ยิ่งออกต่างจังหวัดเรียกได้ว่าญี่ปุ่นนี้กินขาดเลยทีเดียว แต่บางคนบอกว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมของนักท่องเที่ยวเพราะมีสายรถไฟเยอะจนปวดหัวกันเลยทีเดียว
2 เรื่องของอาหาร เกาหลีโด่งดังในเรื่องของกิมจิ หมูย่างเกาหลีเรียกได้ว่าถูกลิ้นใครหลายคน ส่วนญี่ปุ่นก็ไม่น้อยน่าด้วยการเป็นสวรรค์ของคนที่ชอบกินปลาดิบ ตลอดจนราเมง ที่ไม่สามารถพลาดได้ สำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนั้นคุณสามารถประหยัดได้ด้วยการซื้อข้าวปั้นข้าวกล่องหน้าต่างๆ ตามร้านสะดวกซื้อ ซึ่งก็รสชาติอร่อยมากๆ แต่อาหารเกาหลีส่วนใหญ่ที่โด่งดังไม่ว่าจะเป็นไก่ต้มโสม นั้นมันเหมาะกับกินในร้าน แต่ชูชิ ข้าวกล่องญี่ปุ่นเหมาะมากกับนักเดินทางแถมประหยัดเงินในประเป๋าได้เป็นอย่างดี และหลายคนมักจะบอกว่า อาหารญี่ปุ่นอร่อยกว่าอาหารเกาหลี และการไปเที่ยวเองแบบไม่ไปกับทัวร์ทำให้ได้มีโอกาสเลือกกินได้แบบเต็มที่ ใครต้องการวางแผนลุยกินอาหารญี่ปุ่นเองแบบไม้งัอทัวร์ลองดูได้ที่
http://www.japantripbooking.com/3.ค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก หากใครต้องการเดินทางไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองจะมีสายการบินราคาประหยัด สายการบินระดับชั้นนำ บินตรงจากไทยไปเกาหลี ทำให้นักเดินทางสามารถเลือกได้ว่าจะประหยัดเงินค่าตั๋วเครื่องบินแต่สำหรับการบินไปญี่ปุ่นนั้นหากบินตรงแน่นอนว่าค่าตั๋วเครื่องบินมักจะแพงกว่าบินไปเกาหลี ส่วนที่พักญี่ปุ่น ก็มักจะมีราคาแพงกว่าเกาหลี ถึงแม้ว่าในบางครั้งเราจะหาราคาที่พักได้ในราคาเท่ากันแต่ขนาดห้องพักในญี่ปุ่นจะมีขนาดเล็กกว่าเกาหลี แต่บางคนบอกว่าเรื่องที่พักเล็กใหญ่ไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าเวลาส่วนใหญ่คือการออกไปเที่ยวข้างนอก
4. ฤดูกาลกับสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นมีทั้งสี่ฤดูเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ ฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ที่มีหิมะตกเหมือนกัน เกาหลีมีสกีรีสอร์ทที่โด่งดังจากซี่รี่ย์เกาหลีที่หลายคนฟินและอินกันจนได้ไปให้ได้สักครั้ง ส่วนญี่ปุ่นมีเทศกาลหิมะที่ซับโปโรที่เกาะฮอกไกโด ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิต เมื่อหมดหน้าหนาวอากาศเริ่มอบอุ่นเป็นช่วงเวลาดอกไม้บาน ที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่าฮานามิ ในเกาหลีก็มีเช่นกันซึ่งก็คือดอกซากุระบานนั่นเอง ให้ที่ต้องการเติมความหวานมักจะเลือกไปในช่วงปลายมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคด้วย ต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาหน้าร้อน ซึ่งทั้งเกาหลีญี่ปุ่นก็ร้อนเหมือนกับบ้านเรา แต่ว่าญี่ปุ่นช่วงนี้มีไฮไลท์ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการไปชมทุ่งดอกไม้ที่เกาะฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสดใส และช่วงเวลานี้ญี่ปุ่นจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่จะได้ปีนป่ายไปให้ถึงบนสุดของยอดเขาฟูจิ ซึ่งไม่ได้เปิดให้เดินขึ้นไปให้ถึงยอดสุดได้ตลอดทั้งปี เมื่อหมดหน้าร้อนอากาศหนาว ก็เริ่มๆ กับมา ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใบของต้นเมเบิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม ส่วนใบสีเหลืองๆ จะมาจากต้นแป๊ะก๊วย ซึ่งทั้งสองประเทศมีสถานที่ให้ชมความสวยงามแบบนี้ แต่ดูๆ ไปแล้วที่ญี่ปุ่นจะมีหลายแหล่ง แต่ว่าเกาหลีมีเกาะนามิ เกาะแห่งความรักที่ช่วงนี้เป็นช่วงยอดฮิตเลย
สุดท้ายใครจะไปเที่ยวประเทศไหนก็สุดแต่ใจจะชอบละกัน หรือว่ายังตัดสินใจกันไม่ได้อยู่ดี tao13)
หากใครต้องการร่วมแสดงความคิดเห็น ว่าจะไปท่องเที่ยวเกาหลี หรือญี่ปุ่นดี โปรดใช้ถ้อยคำที่สุภาพ
