เอกสารที่ส่งมาด้วย ใบรับรองบัญชีจากญาติ รูปถ่ายบ้านที่คุณจะไปพัก รูปญาติคุณ ID CARD หรืออะไรต่างๆ อันนี้ถ่ายสำเนาได้ครับ ไม่ต้องให้ญาติส่งตัวจริงมานะ สงสารเค้า
ถ้าเป็นกรณีที่คุณจะไปหาที่พักเอง คุณก็ขอใบ Reservation จากที่พักของคุณ print จากเว็บหรือโทรไปให้เค้า fax มาให้ด้วย
ตั๋วเครื่องบิน มีหลายคนโดยเฉพาะพวกบริษัททัวร์หรือเอเย่นต์ขายตั๋ว มันจะบอกผู้ไม่รู้ว่า ควรจะจองตั๋วไว้ก่อน และนำเอกสารการจองตั๋วไปสถานฑูดจะมี % ได้มากกว่า
เรื่องนี้ขอบอกว่า ไม่จริงครับ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อหรือจองตั๋วเครื่องบินก่อนล่วงหน้า ไม่มีผลอะไรที่แตกต่างหรือดีขึ้น นอกซะจากคุณจะเสียเงินฟรีๆ หากวีซ่าไม่ผ่าน
จะคืนตั๋วก็โดนเค้าหัก % ค่าเสียหายแล้วครับทีนี้ อย่าได้เชื่อใครว่าต้องใช้
ทีนี้มาถึงการเตรียมเอกสารที่สำคัญที่สุด หรือพูดง่ายๆว่า หัวใจของงานนี้เลยครับ
ก่อนอื่นใจเย็นๆ ตั้งสติ อย่าเครียด ทำตามขั้นตอนที่ผมบอก ให้ครบ อย่าข้าม อย่ากระโดด แล้วจะรู้ว่ามันไม่ยากอย่างที่คิด คนอื่นทำได้ คุณก็ต้องทำได้
ไปที่เว็บไซต์ สถานฑูตอเมริกา ที่
http://thailand.us-visaservices.comหลังจากนั้นลองอ่านข้อมูลและศึกษาดูว่า กฏระเบียบเป็นอย่างไร
สิ่งที่ผมจะแนะนำ คือ ให้คุณ ลงทะเบียนการนัดหมายผ่านเว็บไซต์เท่านั้น เพราะถ้าคุณได้อ่านเมลล์นี้ หมายถึงคุณมีอินเตอร์เนตใช้ ถ้าคุณอ่านเมลล์นี้ แต่คุณโทรไปจองทางโทรศัพท์
ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี เพราะมันทั้งง่ายและสะดวก แต่ถ้าคุณจะดิ้นรน เพราะกลัวการใช้งานระบบต่างๆผ่านอินเตอร์เนต เพราะกลัวโน่นนี่นั่น ก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ
โอเคถ้าอ่านในเว็บแล้ว เค้าจะบอกว่า ให้คุณไปซื้อ pin จากที่ทำการไปรษณีย์ มาลงทะเบียน
แล้วทำไงหล่ะครับทีนี้ ไม่ต้องรอฟ้ารอฝนครับ มันไม่มี pin หล่นลงมาให้คุณหรอก ออกไปข้างนอกครับ ไปไปรษณีย์เลย มันต้องซื้อจากหน่วยงานราชการเท่านั้น
ไม่ต้องหาตัวแทนมาทำให้ เพราะเค้าชารจ์คุณหนักแน่ ทำเองครับไม่ยาก เติมเงินในบัตรมือถือยังยากกว่าเลย
ไปถึงไปรษณีย์ สาขาไหนก็ได้ แล้วไปบอกเค้าว่า มาซื่อ pin ลงทะเบียนเพื่อขอวีซ่าไปอเมริกาผ่านอินเตอร์เนต แค่นั้นเองครับ เจ้าหน้าที่เค้าจะรู้เลย
ผมจำราคาที่แน่นอนไม่ได้นะ แต่ไม่เกิน 400 บาทต่อ 1 pin จำไว้นะครับ ว่า 1 pin สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว ถ้าหากคุณมีนามสกุลเดียวกันและจะไปขอวีซ่าพร้อมกัน
ไม่ต้องซื้อเยอะให้เปลืองเงินหากเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะเดี๋ยวเข้าไปในเว็บมันจะมีเมนูที่ใช้คุณ apply ต่อให้คนในครอบครัวเดียวกันได้ นามสกุลต้องเหมือนกันนะ
โอเคทีนี้พอได้ pin มาแล้ว ก็กลับไปที่เว็บเดิมครับ
http://thailand.us-visaservices.comแล้วเข้าไปที่เมนู ตกลงเข้าสู่ระบบ เสร็จแล้วก็ใส่ข้อมูลต่างๆ ตามความจริง พร้อมกับใส่รหัส pin ที่ไปซื้อมา ง่ายกว่าสมัคร hotmail อีก
ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย คุณจะทำการเลือกวันนัดสัมภาษณ์ได้เลยจากในเว็บ พร้อมกับ mail รับรองจากสถานฑูตที่ส่งมาให้คุณ print ทุกอย่างเก็บไว้และนำติดตัวไปด้วย
อย่าลืม คุณจะพบกับ เมนู Generate DS-156 Visa Application Form และ Obtain Forms DS-157 and DS-158 (if applicable)
ในเว็บไซต์ ให้คุณ download ออกมาครับ มันเป็นไฟล์ pdf ที่เค้าทำช่องไว้ให้คุณกรอกข้อมูลแบบดีที่สุดและง่ายสุดๆ
กรอกทุกอย่างให้ครบตามความจริงครับ ไม่เข้าใจศัทพ์ตรงไหน เปิด Dict อย่าเดา กรอกให้ครบ อ่านให้ละเอียด ว่าเค้าถามอะไร ตอบให้ตรงคำถาม
เสร็จแล้ว print ออกมาให้หมด อย่าลืมนะครับ ตรวจทานทุกอย่างให้ดีที่สุด กรอกให้ละเอียดที่สุด คุณสามารถ print แบบเอกสารเปล่าๆออกมาเพื่อกรอกด้วยลายมือได้นะครับ
ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมกรอกข้อมูลอย่างเดียว และอย่าลืม ท่องไว้เลยว่า ทุก เอกสารDS คือหัวใจ ถ้าเอกสารDS เป็นอะไรไป หาย ลืม ไม่สมบรูณ์ คุณก็อดแน่นอน ( เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไม )
มาถึงตอนนี้ ถ้าคุณทำทุกอย่างครบถ้วน เอกสารที่คุณจะมีอยู่ตอนนี้แล้วคือ
Passport , บัตรประชาชน, เอกสาร DS ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว, ใบรับบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน - 1 ปี , ใบรับรอง statement , ใบรับรองการทำงาน หรือ ใบรับรองการศึกษา พร้อมระบุวันลา, วุฒิการศึกษาต่างๆ , ใบรับรองภาระหนี้สินที่คุณมี , จดหมายรับรองที่พักที่คุณจะไปอยู่ในอเมริกา และ เอกสารยืนยันวันนัดหมายกับสถานฑูตผ่านเว็บไซต์
ถ้ามีไม่ครบตามนี้ ไปจัดการซะก่อน
หลังจากนั้น ออกไปไปรษณีย์ อีกรอบ คราวนี้รอบสุดท้ายแล้ว เตรียมเงินไปด้วย คนละ 3,600 บาท ไม่มีเหมาจ่าย ของใครของมัน
แล้วไปบอกเจ้าหน้าว่า มาจ่ายค่าธรรมเนียม ขอ visa ไปสหรัฐ เค้าจะถามคุณว่า ได้นัดวัน เวลา จองทุกอย่างเรียบร้อบใช่มั้ย คุณก็เอาใบนัดที่ print ออกมาให้เค้าดูไป
แล้วก็จ่ายเงิน เค้าก็จะให้ใบรับรองการจ่าย มาให้ 1 ใบ ห้ามหาย ห้ามขาด เพราะถ้าเอกสาร ds เปรียบเทียบได้กับหัวใจของภารกิจนี้แล้ว ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมก็คือ เส้นเลือดใหญ่
ของงานนี้เช่นกัน ไม่ว่า คุณจะเตรียมเอกสารได้สุดยอดขนาดไหน ขาดใบนี้ ก็จบ กลับบ้านมือเปล่าได้เลย
ภารกิจสุดท้าย…วันนัดสัมภาษณ์….
ก่อนวันนัด แนะนำว่า ตอนกลางคืน ก็มานั่งอ่านเอกสาร ds ที่คุณกรอกไปทบทวนดูสักรอบ จะได้ไม่พลาด
คุณจะไปที่ไหน ไปพักกับใคร กลับเมื่อไหร่ ข้อมูลทุกอย่าง แต่มันจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ถ้าทุกอย่างคือเรื่องจริง ให้เค้าถามคุณกี่รอบ คุณก็ตอบได้เหมือนเดิมถ้ามันคือเรื่องจริง
แต่ถ้าพวกที่แอบอ้างเรื่องโน้น เรื่องนี้ ระวังให้ดีหล่ะกันครับ เพราะคนที่จะไปคุยด้วย เค้าฝีกมากับ CIA และ FBI ถ้าคุณคิดว่าจะโกหกเค้าได้ก็ลองดูครับ
ไปถึงสถานฑูตล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ในใบเค้าก็จะบอกไว้ อย่าได้สายเชียวนะครับ นัดรอบไหนก็ไปก่อนครึ่งชั่วโมง เพราะไม่มีทางที่เค้าจะรอคุณแน่นอน
เมื่อไปถึง ก็ไม่ต้องรอฟ้าฝนหรือคนมาช่วยครับ เดินเข้าไปเลย ตามป้าย ไม่ต้องถามหรือปรึกษาใครแถวนั้น เพราะถ้าโชดี คุณจะเจอพวกที่เค้าบอกว่า รู้จักโน่นนี่นั่น ช่วยได้ อย่างโน้นอย่างนี้
แต่เชื่อเถอะว่าเสียเงินเปล่า อย่าสนอะไรเดินเข้าประตูไปเลย เพื่อเข้าสู่ด่านที่ 1 คุณจะพบกับยาม สี่ห้าคน พร้อมกับคำสั่งให้ปลดอาวุธ เอ้ย วางเอกสารเข้าเครื่อง scan และให้นำมือถือปิดเครื่องและฝากไว้ พร้อมกับบัตรฝากของ เดินเข้าเครื่องตรวจระเบิด เดินต่อไป จะเจอด่านสุดท้าย พร้อมกับคำสั่ง อ้าขาออก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเอาไม้ตรวจอาวุธ มาลูบไล้ไปทั่วเลือนร่าง
ให้ความร่วมมือเค้าด้วยครับ เรื่องซีเรียส เดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทาง จะเจอน้องๆหน้าตาหน้ารักน่าชังนั่งอยู่ ด่านที่ 2 เค้าจะขอดูใบนัด ซึ่งก็คือใบนัดเวลาที่คุณ print มานั่นเอง
เมื่อตรวจดูมีชื่อตรงกัน เค้าก็จะเปิดให้ผ่านเข้าไปยังด่านที่ 3 ด่านนี้คุณจะเจอกับ สาว 2 คน ยืนช่วยกันตรวจความถูกต้องของเอกสารที่คุณเตรียมมา
ทีนี้คุณ ก็จะรู้ว่า ทำไมผมถึงบอกว่า เอกสาร ds คือหัวใจ ไม่ว่าคุณจะเอกสารพร้อมแค่ไหน แต่ถ้า ds กรอกไม่เรียบร้อย คุณก็ผ่านด่านนี้ไปไม่ได้
เอกสารที่เตรียมมาทั้งหมด จะถูกคัดเลือกโดย เจ้าหน้าที่สองคนนี้ ทำงานหรือเรียนอยู่ เค้าก็จะเลือกให้เราเอง ไม่ต้องช่วยแนะนำเค้าเชียวนะครับ
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เค้าจะจัดเอกสารที่สำคัญใส่แฟ้มแยกไว้ให้คุณ พร้อมกับบอกว่า เอกสารที่เหลือให้จัดไว้ให้ดี ถ้าอยู่ในซอง เอาออกจากซองให้หมด หลังจากนั้น เค้าจะให้คุณผ่านไปยัง
ด่านที่ 4 ด่านนี้ง่ายสุดครับ เพราะมันคือการซื้อซองจดหมายถึงตัวคุณเอง ราคา 65 บาทมั้ง อันนี้ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ แต่ไม่ถึง 100 ครับ จ่ายเงิน รับซองมา แล้วเขียนจ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง
เป็นภาษาอะไรก็ได้ครับ ระหว่างยืนกรอกเอกสารอยู่ มีเด็กวัยรุ่นคนนึงหันมาถามแฟนผมว่า พี่ครับ ตรงนี้ต้องเขียนว่าอะไรครับ แฟนผมทำหน้างงงง แล้วบอกว่า
เค้าให้ใส่ชื่อพ่อแม่ของคุณค่ะ เด็กคนนั้นอาจจะตื่นเต้นจัด รีบตอบกลับแฟนผมมาว่า ไม่มีครับ ผมและแฟนก็ได้แต่ยืนอึ้ง นึกในใจว่า อ้าว ชื่อพ่อแม่ไม่มีแล้ว เกิดมาได้ไงวะเนี่ย
แล้วเดินตามทางต่อไปถึงด่านที่ 5 ด่านนี้ เค้าจะตรวจเอกสารเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับออกบัตรคิวให้คุณ พร้อมกับการยื่นข้อเสนอว่า คุณ ต้องการสัมภาษณ์ ภาษาอะไร
ไทยหรืออังกฤษ เมื่อคุณเลือกแล้ว เค้าจะออกบัตรคิวมาให้ พร้อมกับชี้ทางให้คุณเดินทางผ่านไปยัง… ด่านสุดท้าย
ภารกิจสุดท้าย ด่านที่ 6
ประตูไม้สักสองบาน ตั้งตระหง่านปิดทางเดิน ทางเข้าออกสลับกันในบานเดียว เสียงเปิดดังเอี๊ยดอ๊าดเข้าสู่โสดประสาทหู เมื่อการการเคลื่อนไหว
มันช่างทำให้ดูมีมนตร์ขลัง สะกดจิตใจให้สันหลังเสียวว๊าบบ ขึ้นมา
เมื่อขาสองข้างกของผมก้าวย่างผ่านพ้นประตูเข้าไป อากาศที่เย็นเฉียบปานจะแช่หัวใจให้แข็งจนหยุดนิ่งประหนึ่งดัง น่ำแข็งแห้งที่ใส่มากับกล่องไอติมฮาเก้นดาส
วิ่งทะลุเข้าสู่ทั่วร่างกาย และตรงดิ่งไปสู่ขั้วหัวใจแบบฉับพลัน ทันใดนั้นเอง …
บ้าแล้ว !!! นี่มันขอวีซ่านะโว้ย ไม่ใช่ นิยายปัญญาอ่อน
โอเคครับ พอเข้าไปก็จะเป็นห้องกว้างงงงขวางงง มีที่นั่งเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอกับจำนวนคนที่รออยู่ในนั้น ที่ยืนมีครับไม่ต้องห่วง มีทีวีให้ดูแก้เซ็งระหว่างรอคิว
พร้อมกับห้องน้ำเอาไว้ คลายความตื่นเต้น บางคนอาจจะหาว่าเวอร์นะครับ แค่ไปขอวีซ่าจะอะไรมากมาย โอเคครับ ถ้าคุณเป็นลูกท่านหลานเธอ หลานอาเสี่ย น้องอาเฮีย ที่เกิดมาบนกองทอง
และไปเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆ โดยพ่อแม่จัดการให้ทั้งหมด เป็นพวกลูกแหง่แบบนั้น รับรองว่าคุณไม่มีทางได้เข้าถึงความรู้สึกแบบชนชั้นกลางอย่างผมที่ต้องดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเอง
ความรู้สึกตอนประกาศผลสอบต่างๆ หรือความรู้สึกตอนลุ้นบอลนัดชิง ปริมาณความกดดันและตื่นเต้น มีการพุ่งตัวขึ้นสูงขึ้นในระดับที่เท่ากันเลย
ป้ายสัญญาณอีเล็คทรอนิค พร้อมกับเสียงประกาศจากเครื่องคอมพิวเตอร์ พูดภาษาไทยสลับอังกฤษ ดังแบบต่อเนื่อง แต่ไม่เป็นจังหวะ ทิ้งระยะห่างบ้าง สั้นบ้าง
หมายเลขต่อไป ห้า ห้า ห้า เชิญที่ช่องหมายเลข 11 แฟนผมได้เข้ามาในด่านที่ 6 ก่อน จึงล่วงหน้ามาสำรองที่นั่งไว้ได้ เมื่อผมผ่านประตูเข้ามาจึงมองตรงไปที่เธอ และเข้าไปนั่งข้าง
โดยที่สมาธิทั้งหมด เพ่งไปที่หมายเลขคิว และเจ้าหน้าที่ประจำช่องหมายเลขต่างๆ ลักษณะห้องทำงาน ถ้าใครยังเข้าใจว่า เป็นการนั่งสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว นี่คิดผิดเลยครับ
การสัมภาษณ์ คือ การยืนคุยกันผ่านกระจกกั้น และมีไมค์และเครื่อง scan ลายนิ้วมือเป็นตัวกั้นกลาง นึกภาพไม่ออกก็นึกถึง เวลาไปเยี่ยมคนที่ติดคุกไว้ครับจะเห็นภาพ