Author Topic: รวมประเภทเนื้อผ้า ตัดเสื้อ ตัดกางเกง  (Read 57113 times)

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
ขั้นแรกต้องรู้จักก่อนว่าผ้าที่พบในเสื้อผ้าบ่อยๆ แยกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ตามรูปแบบการทอครับ คือ......
- เพลนวีฟ หรือการทอขัดแบบปกติ.....ผ้าแบบนี้เนื้อจะหยาบกว่าและค่อนข้างดูแข็งเป็นทรง (นอกจากถ้าบาง) ยับแล้วเป็นรอยชัดเจน
- ทวิลวีฟ คือทอแบบเป็นขั้นบันได จะเห็นเป็นลายแทยง....ผ้าแบบนี้จะมีผิวสัมผัสที่เนียนกว่า ทิ้งตัวมากกว่าเพลนวีฟ และคืนตัวทำให้ยับน้อยกว่าด้วยครับ

และวัสดุเส้นใยที่นิยมใช้กันคือ...
- Cotton หรือฝ้าย เป็นวัสดุธรรมชาติ มีคุณสมบัติ ใส่สบายในอากาศร้อนและใส่อุ่นสบายในอากาศเย็น ดูดน้ำค่อนข้างมากทำให้ซับเหงื่อได้ดีแต่แห้งเร็วเมื่อมีอากาศถ่ายเทเพียงพอ ถ้าอากาศชื้นหรือการไหลผ่านไม่พอมันจะชื้ันและไม่ยอมแห้งครับ

- Polyester.....โพลีเอสเตอร์ เป็นเส้นใยสังเคราะห์ มีคุณสมบัติ เบา ดูดน้ำน้อยกว่าฝ้าย ทำให้มันไม่ค่อยซับเหงื่อเท่าไหร่ แต่ก็แลกมาด้วยความที่มันแห้งเร็วกว่ามาก สามารถกันลมหรือฝนเบาๆ ได้เมื่อทอแน่นๆ

ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาเส้นใยชนิดไหนไปทอแบบไหนเป็นผ้าอะไรครับ และถ้าผสมเส้นใยต่างชนิดเข้าด้วยกันก็จะได้คุณสมบัติของทั้ง 2 อย่าง จะได้อันไหนมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้อะไรกี่ %


ชนิดของผ้าที่พบได้บ่อย ......

- Poplin ผ้าป๊อปลิน เป็นผ้าเพลนวีฟ ใช้ทำเสื้อและกางเกง เนื้อผ้าจะเห็นมีลายขวางเป็นเส้นเล็กๆ

- Broad ผ้าบรอด เป็นผ้าเพลนวีฟ เนื้อแน่น พบในเสื้อเชิ้ตทำงานและลำลอง (ลองไปดูเนื้อผ้าที่ Uniqlo ก็ได้ครับ)

- Canvas ผ้าแคนวาส เป็นผ้าเพลนวีฟ เนื้อคล้ายกับป๊อปลินแต่มักจะหยาบกว่า ทนทานกว่า พบใช้ทำกางเกงที่...ความทนทานและใช้งานสมบุกสมบัน

- Oxford ผ้าอ๊อกซ์ฟอร์ด เป็นผ้าเพลนวีฟ ใช้ตัดเสื้อเชิ้ต เนื้อผ้าจะทอด้วยด้าย 2 สี มักเป็นสี แดง ดำ ฟ้า น้ำเงิน ตัดกับสีขาว
ผ้าอ๊อกซฟอร์ดถูกสร้างขึ้นมาในศตวรรษที่ 19 และตั้งชื่อตามมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษ ผ้าอ๊อกซฟอร์ดเป็นผ้าเนื้อปานกลางถึงหนา ถูกทอขึ้นมาด้วยเทคนิคที่เรียกว่า basket weave โดยการสานด้ายเส้นใหญ่เหนือด้ายเส้นเล็กสองเส้นแล้วจึงลอดด้ายเส้นเล็กหนึ่งเส้นทำวนไปอย่างนี้เรื่อยๆ

ด้ายบางส่วนของผ้าอ๊อกซฟอร์ดจะไม่ถูกย้อมซึ่งทำให้เห็นลวดลายเฉพาะตัวบนเนื้อผ้า ผ้าอ๊อกซฟอร์ดเป็นที่นิยมมากเพราะสามารถใส่ได้ทั้งแบบลำลองหรือไปทำงาน เนื้อผ้าที่รีดง่ายและยับค่อนข้างยากจึงเหมาะกับหนุ่มๆที่...ดูดีตลอดเวลา ด้วยเนื้อผ้าที่ใส่สบายและระบายอากาศได้ดีทำให้เหมาะกับการใส่ในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ใส่สบายขนาดที่นักกีฬาโปโลสมัยก่อนใส่ลงแข่งขันก่อนที่จะมีการคิดค้นเสื้อโปโลขึ้นมา

ผ้าอ๊อกซฟอร์ดนี้ยิ่งซักยิ่งนิ่มแต่ต้องระวังเสื้อไปเกี่ยวอะไรแหลมๆเพราะผ้าที่ทอแบบ basket weave จะค่อนข้างขาดง่ายกว่าผ้าชนิดอื่น

******************************************************************************************************************************************************

- Cambric ผ้าเคมบริค เป็นผ้าเพลนวีฟ ใช้ตัดเสื้อเชิ้ตแชมเบรย์ (Chambray) เนื้อผ้าคล้ายอ๊อกซ์ฟอร์ด สีมักจะออกเทาๆ หน่อย....สีด้ายจะไม่ตัดกันชัดเท่าอ๊อกซ์ฟอร์ด

******************************************************************************************************************************************************

- ผ้าทวิล twill .....ผ้าทำเสื้อเชิ้ตที่พบได้เยอะ จริงๆ แล้วมันคือผ้าอะไรผมก็ไม่รู้ชื่อของมัน รู้แค่ว่ามันเป็นผ้าแบบทวิลวีฟซึ่งเนื้อผ้าจะมีลายแทยง ส่วนใหญ่แล้วก็เรียกกันว่าผ้าทวิลโดยไม่ระบุชื่อ

******************************************************************************************************************************************************

- Denim ....ผ้าเดนิมหรือผ้ายีนส์ ผมคงไม่ต้องบอกอะไรมากมั้งครับอันนี้.....เอาเป็นว่ามันคือผ้าทวิลวีฟชนิดหนึ่งละกัน

******************************************************************************************************************************************************

- Gabardine กาบาร์ดีน เป็นผ้าทวิลวีฟ เนื้อแน่น ทนทาน นิ่มและทิ้งตัวกว่าเดนิม เนื้อผ้าจะเป็นลายแทยงข้างหนึ่งและอีกข้างจะไม่เป็น สำหรับในไทยแล้วพบได้บ่อยคือ กางเกง เสื้อนอก และชุดสูท

******************************************************************************************************************************************************

- Serge เซิร์จหรือแซร์จ เป็นผ้าทวิลวีฟ เนื้อผ้าเป็นลายแทยงทั้ง 2 ด้าน ความนิ่มและทิ้งตัวน้อยกว่ากาบาร์ดีน โดยรวมแล้วลักษณะดูคล้ายกับผ้าเดนิม ในไทยพบใช้ทำกางเกง เสื้อนอก และชุดสูท

******************************************************************************************************************************************************

- Chino ผ้าชิโน เป็นผ้าทวิลวีฟ เนื้อผ้ามีลายแทยง ผ้านิ่มและทิ้งตัวมากกว่าเซิร์จ แต่ไม่เท่ากาบาร์ดีน ใช้ทำกางเกง (ลองไปดูตัวอย่างที่ Uniqlo ก็ได้ครับ)

******************************************************************************************************************************************************

- Drill ผ้าดริล เป็นผ้าทวิลวีฟ เนื้อผ้ามีลายแทยงที่เห็นได้ชัด ลักษณะโดยรวมคล้ายชิโน ในไทยพบใช้ทำกางเกง

******************************************************************************************************************************************************

Chambray
ผ้าแชมเบรย์ทอขึ้นมาโดยใช้ด้ายสีน้ำเงินกับขาวผสมกัน ทำให้ได้สีสันออกมาคล้ายผ้ายีนส์ ใส่ออกมาแล้วจะได้ลุคแมนๆ  ข้อแตกต่างก็คือผ้าแชมเบรย์เนื้อจะนิ่มกว่ามากเหมาะสำหรับนำมาทำเสื้อเชิ้ต

******************************************************************************************************************************************************

ผ้าตัดโปโล

TC-KANEKO   ( Cotton 35%+Poly 65%)  น้ำหนัก 250g/m2
ผ้าทีซีคาเนโกะ                   

      เส้นด้าย TC เกิดจากการผสมกันระหว่าง เส้นใยฝ้าย (Cotton) และเส้นใยโพลีเอสเตอร์  Polyester)65% Polyester 35% Cotton ในอัตราส่วนที่โพลีเอสเตอร์มากกว่าฝ้าย เพื่อให้มี ราคาประหยัด   ผ้า TC  KANEKO  จะเป็นเส้นใยประเภท Comb ซึ่งสวมใส่สบายด้วยคุณสมบัติจากเส้นใยฝ้าย และ เนื้อผ้าไม่ยืด ไม่ย้วย มีสีคงทน  ด้วยคุณสมบัติจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ โดยโครงสร้างรังผึ้งของผ้าจูติช่วยให้ เสื้อโปโล อยู่ทรงมีความสวยงาม

       ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรู (ทอแบบ juti รูจะเป็นรูปรังผึ้ง) เนื่องจากผ้าประเภท TC  มีคุณสมบัติในการระบายอากาศได้ไม่ค่อยดีนัก การทอผ้าชนิดนี้จึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ เพื่อช่วยในการระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่  เนื้อผ้า TC จะมีลักษณะมัน (น้อยกว่า TK) ราคาของผ้าขึ้นอยู่กับสีที่เลือก เนื้อผ้าเส้นด้ายผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์ การสวมใส่จะสบายตัว และไม่ยับง่าย ความยืดหยุ่นปานกลาง ใช้ในการผลิตมากที่สุด

ผ้า TC kaneko  tc20tch
            ผ้า TC 20 SP                      ผ้า TC20 TCJ

tc lacost

TC-LACOST   ( Cotton 35%+Poly 65%)  น้ำหนัก 240-280g/m2 
ผ้าทีซีลาครอส       

          เป็นเส้นใยผสมระหว่าง Cotton และ Polyester   (65% Polyester 35% Cotton)ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าแบบเป็นรู ลักษณะการทอแบบ Lacoste รูจะเป็นรูปข้าวหลามตัดเล็กๆ ช่วยในการระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่    เส้นด้ายที่นิยมนำมาทอผ้าTC มีดังนี้ TC No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ TC No.34 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็กมาก ใช้ทอผ้าจูติ จึงต้องทอเป็นเส้นคู่

ผ้า TC Lacost
        ผ้า TC LACOST

tk kaneko

TK   (Polyester หรือใยสังเคราะห์ / Polyester 100%)
ผ้าใยสังเคราะห์ร้อยเปอร์เซนต์

    เป็นผ้าใยสังเคราะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า TK มีส่วนผสมของ Polyester 100% เนื้อผ้าจะมีลักษณะมันผิวผ้าเป็นเงามากกว่า TC คุณสมบัติทั่วๆไป คือ ผ้าจะไม่ค่อยยับ อยู่ทรง ไม่ย้วย สีไม่ตก แต่เสื้อที่ทำจากผ้า TK ใส่แล้วจะร้อน เนื่องจากระบายอากาศไม่ดีผ้า TK จึงนิยมทอ ให้มีลักษณะเป็นรูเพื่อระบายกาศให้ดีขึ้น ผ้า TK เป็นผ้าที่ทนทานหาได้ง่ายและวางขายตามท้องตลาด โดยทั่วไปแล้ว จะมีกรรมวิธีการทอเป็นแบบเนื้อ 17, 20 และ 34 เส้นคู่ แต่ผ้า TK ไม่ค่อยซับเหงื่อ แต่รีดง่าย ยับยาก ไม่หด ไม่ยืด ใช้งานไประยะหนึ่งจะเกิดการขึ้นขนเป็นเม็ดก้อนจึงเหมาะสำหรับทำ เสื้อโปโล

    คุณลักษณะที่สำคัญของเนื้อผ้า TK อีกประการหนึ่ง คือ ราคาค่อนข้างถูก เนื้อผ้าประเภทนี้จะมีราคาถูกที่สุด แต่เนื้อผ้าจะระบายอากาศได้น้อยมาก ถ้าใส่อยู่ในที่แดดร้อน ๆ หรืออากาศอบอ้าว จะรู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่ายจะยิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากเนื้อผ้าดูดซับเหงื่อได้ค่อนข้างน้อย   

ผ้า TK SVL
           ผ้า TK SVL

cvc

 CVC  (Cotton 80% + Polyester 20%) , (Cotton 60% + Polyester 40%)
ผ้าซีวีซี

       CVC เป็น เส้นใยผสมระหว่าง Cotton และ Polyester  ผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติหรือผ้าฝ้าย และเส้นใยสังเคราะห์ มีคุณสมบัติในการระบายอากาศดีจากเส้นใยทั้งสอง  สำหรับเนื้อผ้าผสม CVC จะอยู่ที่ Cotton 60-85% ต่อ Polyester 15-40%  โดยคุณสมบัติจะแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น ผ้า CVC ที่มีส่วนผสม (Cotton60%+ Polyester 40%) ลักษณะโดยทั่วไปของเนื้อผ้ามี มีความยืดหยุ่นอยู่ในระดับปานกลาง การสวมใส่อยู่ทรง สบายตัว การผลิต นิยมใช้ No.20 และ 34 เส้นคู่
     CVC ที่มีส่วนผสม (Cotton80%+ Polyester 20%) ความยืดหยุ่นจะสูงมาก การระบายอากาศสูง เนื้อผ้าแน่น เนื้อผ้านุ่ม ใส่สบาย ดูดซับเหงื่อ ไม่มีปัญหาเรื่องผ้าหดตัว ไม่ขึ้นขนเป็นเม็ดก้อน แต่จะฟูด้วยลักษณะของเส้นด้าย เหมาะสำหรับทำ เสื้อโปโล และ เสื้อยืด
      ลักษณะสำคัญของ ผ้า CVC หรือผ้าเนื้อผสมคือเรื่องการควบคุมการยืด หดย้วยจะทำได้ดีกว่า cotton 100 % แต่ผ้าที่ทำมาจากใยสังเคราะห์คือจะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่า cotton 100 % แต่สวมใส่สบายราคาไม่แพงเท่า Cotton 100% ระบายอากาศได้ดีซับเหงื่อได้ดี ราคาของผ้าขึ้นอยู่กับสีที่เลือก การสวมใส่อยู่ทรง    ผ้า CVCไม่มีปัญหาเรื่องผ้าหดตัว ไม่ขึ้นขนเป็นเม็ดก้อน เพราะมีการควบคุมการยืดของเนื้อผ้า ผ้าชนิดนี้มีส่วนผสมเหมือนเนื้อผ้า TC เพียงแค่มีส่วนของ Cotton มากกว่าส่วนผสมของ Polyester

ผ้า CVC20
            ผ้า CVC 20


Dry Tech   (cotton 55% + 45% Polyester )       
ผ้าดรายเท็กซ์

           ผ้า Dry Tech  คือ ผ้าทอด้วยเส้นด้าย Micro-Fibered Polyester สามารถดูดซับเหงื่อจากร่างกาย และส่งผ่านไปยังผิวด้านนอกของผ้าที่ทอด้วยเส้นด้าย Cotton ได้ในทันที ซึ่งเส้นใยฝ้ายธรรมชาติที่ทออยู่ด้านนอกของผ้าช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ ดี จึงทำให้สวมใส่สบายตลอดวันแม้ในสภาพอากาศร้อน  หรือ ขณะออกกำลังกาย คุณสมบัติที่ไม่ลดน้อยถอยลงหลัง การซัก

                 Dry-Tech Technology โครงสร้างตาข่าย(Mesh back) ด้านหลังของผ้าสามารถดูดซับเหงื่่อได้ในทันที และ ช่วยไม่ให้รู้สึกเหนอะหนะเมื่อเหงื่อออกผนวกกับด้านหน้าที่ทอด้วยเส้นด้าย Cotton ขนาดเล็กเพื่อให้ ผ้าสามารถระบายอากาศได้ดี จึงทำให้รู้สึกแห้งสบายเมื่อสวมใส่ ผลลัพธ์คือความรู้สึกสบายตัวของผู้สวมใส่
ผ้า Drytech
           ผ้า Drytech

supersoft

ผ้า Supersoft
ผ้าซูปเปอร์ซอฟต์       

    ผ้า Supersoft สามารถใช้ทำเป็นเสื้อยืดคอกลม คอวี หรือ เสื้อคอโปโลได้ เกิดจากการนำผ้า Cotton หน้าเรียบ มาผ่านกระบวนการ carbonized brushing ด้วยอุปกรณ์ในการขัดที่ใช้วัสดุเดียวกับที่ใช้ในการเจียระไนเพชร เพื่อทำให้ผิวด้านหน้าของผ้า ฟูแน่น สม่ำเสมอ ดังนั้น เสื้อยืด ผ้า Supersoff จึงมีความนุ่มคล้ายคลึงกำมะหยี่ (Velvet) มีสีที่นุ่มนวล แม้หลังการซัก ผิวสัมผัสก็ยังคงนุ่ม ไม่ขึ้นขน และไม่จับตัวเป็นก้อน ผ้า Supersoff  สร้างความแตกต่างให้กับเสื้อผ้าได้อย่างมีดีไซน์     

   คุณสมบัติที่สำคัญคือ ผลิตจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ (Cotton Comfort) ผิวสัมผัสนุ่ม  ภายหลังการซัก (Peach Skin) จะไม่หด ไม่ย้วย (Shape Retention) ไม่ขึ้นขนหลังซัก (Pilling Resistance) เสื้อยืด ผ้า Supersoft เหมาะกับการทำเป็น เสื้อยืดแฟชั่น เสื้อ event เสื้อแบรนด์ เสื้อใส่เล่น เสื้อที่สั่งผลิตเพื่อมอบเป็นเสื้อคุณภาพดีแก่พนักงาน
« Last Edit: September 29, 2016, 11:23:10 AM by thaitourta »

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
ผ้า TK

คือผ้าที่ผลิตจากเส้นใย Poly100% เป็นเส้นใยสังเคราะห์ เนื้อผ้ามันเงา จะไม่ค่อยนุ่มเท่าไร ไม่ค่อยซับเหงื่อ ใช้ไปนานๆ จะขึ้นขนเป็นปมๆ แต่ก็มีข้อดีนะคะ คือเนื้อผ้า TK นี้ สีจะไม่ซีด รีดง่าย ยับยาก ไม่ยืดหรือหดตัว

ผ้า TC

คือผ้าที่ผลิตจากเส้นใยผสม ระหว่าง Cotton 35%+ Poly 65% เนื้อผ้าตัวนี้จะหนานุ่มฟู ใส่สบาย ดูดซับเหงื่อได้ดีกว่า TK  รีดง่าย ยับยาก ใช้ไปนานๆอาจขึ้นขนเป็นขนอ่อนๆไม่เป็นปม อาจมีปัญหาการยืดหดตัวบ้างแต่น้อยมาก ข้อเสียก็คือ ใช้ไปนานๆ สีจะซีดตามกาลเวลาและการซักล้าง

ผ้า Lacoste  คือผ้าที่ผลิตจากเส้นใยตัวเดียวกับผ้า TC ต่างกันในการทอลายผ้าต่างกัน ด้านในจะเรียบ ด้านนอกจะเป็นริ้วแนวตั้ง ใส่สบายกว่าผ้า จูติTC เนื่องจากลายผ้าด้านในเมื่อสัมผัสกับผิวจะนุ่มเนียนกว่า ระบายเหงื่อได้ดี ปัญหาการยืดหดตัวน้อยมาก ข้อเสียก็เช่นเดียวกับจูติ TC

ผ้า CVC คือผ้าที่ผลิตจากเส้นใยผสม ระหว่าง Cotton 80%+Poly 20% เนื้อผ้าจะหนาแน่นตาละเอียดกว่าผ้า จูติ TC ระบายอากาศได้ดีเนื้อผ้ายืดหยุ่นสูง ใส่สบายดูดซับเหงื่อดี ข้อเสียก็เช่นเดียวกับ TC เนื่องจากผ้ามีส่วนผสมของCottonสูง

เนื้อผ้า CMC หรือผ้า TC ไมโคร

คุณสมบัติ ของผ้าไมโครไฟเบอร์จะอ่อนนุ่มกว่าผ้าที่ผลิตจากใยธรรมชาติทั่วไป ไม่เป็นขน ซับน้ำได้ดีเยี่ยม ทนทานต่อการชะล้างมากกว่าเส้นใยธรรมชาติ เส้นใยขนาดเล็กและบางมากทำให้น้ำหนักเบาใส่สบาย ผ้าไมโครไฟเบอร์เป็นผ้าใย สังเคราะห์ ที่ทำจากโพลีเอสเตอร์ (Polyester) ใช้วิธีการหลอมแล้วรีดเส้นใยออกมาจากหัวฉีดที่เรียกว่าสปินเนอเร็ต (spinneret) ลักษณะความละเอียดของผ้าขึ้นอยู่กับขนาดรูสปินเนอเร็ตที่ต้องการให้เส้นใย เล็กหรือละเอียดมากน้อยเพียงใด โดยปกติเส้นใยของผ้าไมโครไฟเบอร์จะเล็กและละเอียดกว่าเส้นใยที่ได้จาก ธรรมชาติถึง 10 เท่า

ผ้า Cotton 100%

คือเส้นใยธรรมชาติ 100% หรือที่บางท่านเรียกว่าผ้าฝ้ายเนื้อผ้านุ่ม เส้นใยฟูบางใส่สบายระบายอากาศดีมาก ดูดซับเหงื่อดีมาก แต่ข้อเสียคือเส้นใยธรรมชาติจะดูดซับสีย้อมได้ไม่ค่อยดีนักและเมื่อซักจะซีด จางลงง่ายสีไม่สด มีการยืดหดตัวสูงหรือยืดย้วยง่ายนั่นเอง

ผ้า Dri-Balance ( Cool – Dry – Comfortable )

เป็นเทคโนโลยีใหม่ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬา Brand ชั้นนำของโลกเลือกใช้
โดย DRI-BALANCE คุณสมบัติพิเศษดังนี้:
1. ด้วย โครงสร้างการถักทอผ้า 2 ชั้นใช้เส้นไยพิเศษ 2 ชนิด จะทำให้เหงื่อและความชื้นถูกดูดซัพอย่างรวดเร็วและถ่ายเทออกจากผิวผ้า ชั้นในที่ติดกับผิวหนัง ออกสู่ผ้าชั้นนอกและคุณสมบัตินี้จะคงอยู่ได้ตลอดอายุการใช้งาน
2. ความสามารถในการระเหยออกอย่างรวดเร็วของผ้าชนิดนี้ ทำให้ระบายความชื้นได้ดีกว่า ผ้า 100% Cotton ทั่วไป 50%
3. การระบายอากาศที่ดีจากโครงสร้างของผ้า นั้นทำให้อากาศสามารถทะลุชั้นผ้าเข้าไปภายในได้
4. โครงสร้างผ้าที่เป็น Cotton ชั้นนอก ทำให้การสวมใส่ดูเป็นธรรมชาติกว่า ดูดีแม้จะสวมใส่แบบลำลอง

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
Cotton เป็นเส้นใยธรรมชาติ 100% ผลิตจากฝ้ายสวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดีซับเหงื่อได้ดีเยี่ยม เนื้อผ้าจะมีลักษณะด้าน แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือมันจะยับง่าย เมื่อซักบ่อยๆ ก็จะย้วย

ประเภทเส้นใย Cotton จะแบ่งตามลักษณะได้ดังนี้

- Cotton OE  เป็นผ้า Cotton เกรดต่ำสุด ลักษณะของผ้าจะมีความกระด้างมากกว่าผ้า Cotton ชนิดอื่นๆ

- Cotton Semi เป็นผ้า Cotton เกรดปานกลาง ผ้าจะมีความเนียน ณ ระดับหนึ่ง ไม่กระด้าง ราคาไม่สูง และ คุณภาพค่อนข้างใช้ได้

-  Cotton Comb เป็นผ้า Cotton เกรดดีที่สุด ลักษณะผ้าจะมีความเนียนและเงามาก ราคาสูงมากกว่าCottonเกรดอื่น 

ขนาดเส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า Cotton มีดังนี้

-  Cotton No.20  เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ผ้าที่ทอได้จึงหนาพอสมควร

-  Cotton No.32  เส้นด้ายจะมีขนาดเล็ก ผ้าที่ทอได้จะเนียนและบาง

-  Cotton No.40  เส้นด้ายมีขนาดเล็กที่สุด ผ้าที่ทอจึงเนียนมาก และบางมาก จึงต้องทอเป็นเส้นคู่ และราคาจะค่อนข้างสูง


  3.1 Cotton OE ไม่ผ่านกระบวนการคัดคุณภาพของเส้นใยฝ้าย มีความกระด้าง ขาด
 
        ง่าย เป็นผ้า Cotton เกรดต่ำสุด

    3.2 Cotton Semi ผ่านกระบวนผลิตเส้นด้ายโดยวิธีการสางเส้นใยฝ้าย เป็นเส้นด้าย
 
        เส้นใยสั้น ที่มีขนาดใหญ่ เบอร์ 20 - 32 มีความเนียนนุ่มและกระด้างในระดับ
 
        ปานกลาง

    3.3 Cotton Comp ผ่านกระบวนผลิตเส้นด้ายโดยวิธีการหวีเส้นใยด้วยเครื่องจักร ซึ่ง
 
       มีกระบวนที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อนกว่าแบบการสาง ทำให้ได้ผลผลิตเป็น เส้นด้ายที่
 
       มีขนาดเล็ก เบอร์ 32 เบอร์ 40 ขจัดสิ่งสกปรกออกจากเส้นใยได้ในเปอร์เซ็นที่
 
       มากกว่า รวมถึงได้เส้นด้ายที่มีเส้นใยที่ยาวกว่า เมื่อนำมาทอเป็นผ้าผืนจึงเป็นผ้า
       
       cotton ที่เนื้อดีมีความเนียนนุ่ม เหนียวทน ผิวมันมัน
« Last Edit: September 29, 2016, 08:16:23 AM by thaitourta »

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
  การเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับการสวมใส่ในช่วงเวลาที่ต้องการและเหมาะกับสภาพอากาศในขณะนั้น  จำเป็นที่เราควรจะรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับชนิดผ้าและคุณสมบัติเพื่อเลือกซื้อให้ถูกต้อง

       1. ผ้า Cotton  จะแบ่งขนาดของเส้นด้ายที่นิยมใช้ทอผ้ามีดังนี้
             1.1 Cotton No.20 เส้นด้ายมีขนาดใหญ่สุด ผ้าที่ทอจึงมีความหนา
             1.2 Cotton No.32 เส้นด้ายเล็กว่า Cotton No.20 ผ้าที่ทอจะมีความเนียนและบาง
             1.3 Cotton No.40 เส้นด้ายเล็กสุด ผ้าที่ทอจึงมีความเนียนและบาง
และยังมี COTTON ผสมโพลีเอสเตอร์ นิยมนำมาผลิตเสื้อคอกลม-คอวี ที่สกรีนขาย  โดยจะแบ่งคุณสมบัติที่แตกต่างกันดังนี้
             1.1  COTTON 100%  ได้จากเส้นใยฝ้าย 100%  ข้อดี ใส่สบายไม่ระคายเคือง ถ่ายเทอากาศได้ดี   เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย  ข้อเสีย ยับง่ายกว่าใยสังเคราะห์ เนื้อผ้ามีการหดตัว ราคาจะสูงกว่าผ้า TC และ TK
             1.2 COTTON ผสมโพลีเอสเตอร์(เส้นใยสังเคราะห์) หรือเรียกอีกอย่างว่าผ้า TC  ผ้าชนิดนี้นิยมนำมาทอให้มีลักษณะเป็นรู เนื่องจากผ้าTCและ TK มีคุณสมบัติระบายอากาศไม่ค่อยดี จึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ เพื่อช่วยระบายอากาศ
 ข้อดี ไม่ยืดไม่หดไม่ย้วย, คืนตัวไวไม่ยับง่าย ราคาถูก ข้อเสียถ่ายเทอากาศไม่ค่อยดี ติดไฟง่าย ไม่เหมาะกับงานบางประเภท
             นอกจากนี้เส้นใยCOTTONจะแบ่งออกเป็นลักษณะดังนี้
             1.1 Cotton OE เป็นCotton เกรดต่ำสุด ผ้าจะมีความกระด้างกว่าผ้า Cotton ชนิดอื่น
             1.2 Cotton Semi เป็นCotton เกรดปานกลาง ผ้ามีความเนียน ไม่กระด้างมาก ราคาไม่สูง และ คุณภาพค่อนข้างใช้ได้
             1.3 Cotton Comb เป็นผ้า Cotton เกรดดีที่สุด ผ้ามีความเนียนและเงามาก ราคาสูงมากกว่าCottonเกรดอื่น

      2. ผ้า TK -TC- CVC- CTC  หรือผ้าที่นิมนำมาผลิตเสื้อโปโล ส่วนชื่อเรียกขึ้นอยู่กับเกรดผ้าตามแต่่ละชนิด
             2.1   ผ้า TK เป็นผ้าใยสังเคราะห์ 100% ไม่มีส่วนผสมของฝ้าย ข้อดี ราคาถูกไม่ยืดไม่หดสปริงตัวดี  เนื้อผ้ามีความมัน ข้อเสีย ระบายอากาศไม่ดี ดูดซับเหงื่อได้น้อย ถ้าใส่ในช่วงอากาศร้อนๆหรืออบอ้าวจะรู้สึกไม่สบายตัว  ถ้าซักบ่อยจะขึ้นขุยง่าย
    เส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า TK มีดังนี้
TK No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่ ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ
ลักษณะการทอมีอยู่ 2 แบบ ดังนี้
      1.แบบเนื้อ Lacoste หรือ เนื้อ Juti
              - ทอแบบ Juti รูจะเป็นรูปรังผึ้ง
              - ทอแบบ Lacoste รูจะเป็นรูปข้าวหลามตัดเล็กๆ
      2.แบบเนื้อเรียบ 
             2.2  ผ้า TC เป็นผ้าใยสังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของฝ้ายในอัตราส่วนโพลีเอสเตอร์ 65% ฝ้าย 35%  มีหลายเกรด แต่ชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป เช่น CVC ส่วนผสมโพลีเอสเตอร์ 70-85% ฝ้าย 15-30%  ส่วน TCT ใช้COTTON 70% โพลี่เอสเตอร์ 30% ในตลาดจะเรียกเป็นเบอร์ ต่างๆเช่น 20, 32 ,40 (ตัวเลขมากเส้นด้ายยิ่งเล็ก คุณภาพยิ่งดี) ส่วนใหญ่ตามท้องตลาดจะใช้เบอร์ 20 
             ส่วนคุณสมบัติของผ้าTCนั้น เนื่องจากมีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์ การระบายความร้อนอยู่ในระดับปานกลางไม่ดีเท่า COTTON100% แต่ดีกว่า TK  ราคาจะสูงกว่าผ้า TK เนื้อจะนุ่มกว่าTK  การขึ้นขุ๋ย จะช้ากว่า TK ใส่สบาย
             ขนาดเส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า TC มีดังนี้
            1.1 TC No.20 เส้นด้ายมีขนาดใหญ่สุด ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ
            1.2 TC No.34 เส้นด้ายมีขนาดเล็กมาก ใช้ทอผ้าจูติ จึงต้องทอเป็นเส้นคู่
 
  สรุป ความเหมาะสมในการเลือกซื้อผ้าได้ดังนี้

เนื้อผ้า
ความเหมาะสมในการใช้งาน
Cotton 100%
เหมาะกับผู้ใช้ในกลางแจ้ง โดนแดดบ่อยๆ เพราะเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ไม่อมเหงื่อ ใส่สบาย
ผ้าTC
เหมาะกับคนที่เหงื่อออกง่าย แม้ทำงานอยู่ในห้องแอร์ก็ตาม และระบายอากาศได้ดีพอสมควร และดีว่าCotton100% คืออยู่ทรง ไม่ยืดไม่ย้วยง่าย
ผ้า TK
เหมาะกับผู้ที่อยู่ในห้องแอร์ ไม่ค่อยโดนแดด

Ralphbut

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • Posts: 0
    • View Profile
ผ้าตัดเสื้อเชิ๊ต
จริงๆแล้ว ผ้าตัดเสื้อเชิ๊ตมีหลายชนิด แต่ละชนิด มีความแตกต่างทางด้านการทอ ลักษณะเนื้อผ้า ความบางความหนา และการดูดซับเหงื่อที่แตกต่างกัน รวมทั้งรูปแบบที่มีความสวยงาม

BROADCLOTH

เป็นผ้าตัดเสื้อเชิ๊ตที่มีการทออย่างเรียบง่าย และมีลักษณะเงาในตัวเนื้อผ้าเล็กน้อย ส่วนมาก เป็นลายพื้น เหมาะสำหรับการตัดเสื้อเชิ๊ต เพื่อใส่ในการทำงาน หรือการเข้าสังคม เพราะมีลักษณะพื้นผิวผ้าที่เรียบ แต่อาจยับง่ายหน่อย ถ้าเป็นส่วนผสมผ้าฝ้าย 100%

TWILL

ผ้าลายสอง มีลักษณะการทอแบบเฉียง ทำให้มีความทนทานในการใช้งาน โดยมีทั้งลายพื้น ลายทาง ลายตาราง มีลักษณะเงาเล็กน้อย และมีลักษณะการทอทั้งแบบละเอียด และหยาบ

การทออย่างละเอียด จะให้ความรู้สึกในการสวมใส่ที่ดีกว่า

PINPOINT OXFORD

มีลักษณะเนื้อผ้าเป็นเม็ดเล็กๆ เนื่องจากลักษณะการทอที่แตกต่างกันเไป เป็นเนื้อผ้าสำหรับการตัดเสื้อเชิ๊ตที่ดูเป็นทางการน้อยลง ส่วนมาก ใส่สำหรับงานที่ไม่เป็นทางการมากนัก

โดยทั่วไป ไม่ค่อยเงา ถ้าคุณไม่ชอบผ้าที่มีความเงา ผ้าชนิดนี้ ก็เป็นทางเลือกที่ดี และมีความหนาปานกลาง ทำให้ไม่ค่อยยับเท่าไหร่

CHAMBRAY

ผ้าชนิดนี้ ส่วนมากเป็นลายพื้น ที่มีความหนามากกว่าปกติ เป็นผ้าที่นิยมตัดใส่เล่นมากกว่าใส่ทำงาน เหมาะสำหรับตัดเสื้อเชิ๊ตแขนสั้น

DENIM

มีลักษณะเนื้อผ้าคล้ายผ้ายีนส์ และมีหลากหลายสีให้เลือกมากมาย

DOBBY
เป็นผ้าที่มีความหนา ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย แต่ไม่เหมาะสำหรับใส่ในประเทศไทยเท่าไหร่นัก

END-ON-END

เป็นผ้าที่มีลายพื้นที่เป็นเอกลักษณ์ ลักษณะบาง และเห็นลายการทอผ้าอย่างชัดเจน

เหมาะสำหรับตัดเสื้อเชิ้ตเพื่อใส่ในประเทศไทย เพราะไม่ร้อนในขณะสวมใส่ และไม่ค่อยยับเท่าไหร่

FLANNEL

เป็นผ้าตัดเสื้อเชิ๊ตที่เหมาะสำหรับใส่ในประเทศที่มีภูมิอากาศหนาว เพราะมีความหนาพอสมควร

MELANGE

เป็นผ้าที่มีการทอผสมผสานกันหลายอย่าง ทำให้ได้ลายผ้าที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันออกไป

OXFORD CLOTH

ผ้าชนิดนี้มีความหนาและมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆจุดขาวๆ เหมาะสำหรับตัดใส่ลำลอง เป็นผ้าที่ไม่ค่อยยับ และใส่ได้ทุกโอกาส

POPLIN

เป็นผ้าตัดเสื้อเชิ๊ตที่นิยมมากที่สุด เพราะส่วนมากเป็นสีพื้น มีลักษณะการทอที่เรียบง่าย

ROYAL OXFORD

เป็นผ้าที่มีเนื้อผ้าเม็ดเล็กๆ แต่เห็นเม็ดเล็กๆอย่างชัดเจน มีความหนาปานกลาง และส่วนมากเป็นสีพื้น

HERRINGBONE

เป็นผ้าลายก้างปลา โดยมีให้เลือกทั้งลายพื้นและลายทาง

SEERSUCKER

เป็นผ้าชนิดพิเศษที่มีลักษณะเป็นลอนคลื่น

LINEN

เป็นผ้าที่มีการทอแล้วให้ความรู้สึกความเป็นธรรมชาติมากที่สุด มีทั้งลายพื้นและลายทาง มีทั้งบางและหนา ส่วนมาก ตัดเสื้อเชิ้ตผ้าลินิน ไว้ใส่ลำลองมากกว่าใส่อย่างเป็นทางการ