สำหรับคำถามยอดฮิต
(จริงๆ ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายนะครับ สำหรับท่านเทพเกาหลี สามารถเสริมเพิ่มเติมและแก้ไขข้อมูลได้เสมอนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ)
Q : จะไปเกาหลีกี่วันดี ??
A : ส่วนตัวผมนะครับ บอกได้เลยว่า เกาหลีครั้งเดียวไม่เคยพอ
ยิ่งถ้าใครพาแฟนสาวไปด้วย รับรองเถอะครับ คุณเธอจะต้องใช้เวลาที่เมียงดง, นัมแดมุน, อินซาดง, อิเตวอน, มหาวิทยาลัยฮงกิก, ดงแดมุน มากมายทีเดียวเลยหล่ะครับ อย่าลืมเผื่อเวลาให้เธอได้พักผ่อน ช๊อปปิ้งคลายเครียดระหว่างการท่องเที่ยวด้วยนะครับ เพราะเชื่อไหมว่า ถ้าเที่ยวมาเหนื่อยๆ พอมาปิดท้ายด้วยแหล่งช๊อปปิ้ง คุณเธอทั้งหลายจะมีพลังตาลุกโพล่งแบบที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ดังนั้น ถ้าเวลาที่เหมาะสมสำหรับทริปแรก ควรมีเวลาอย่างน้อย 4-5 วันขึ้นไปครับ ถ้าน้อยกว่านี้ ส่วนตัวผมคิดว่าไม่คุ้มค่าเครื่องแล้วหล่ะครับ แม้ว่า คนไทยจะไม่ต้องเสียค่าวีซ่าเข้าเกาหลีก็ตาม แต่ถ้าจะเอาให้ครบๆ เที่ยวสบายๆ ในพื้นที่โซลและละแวกใกล้เคียง ควรใช้เวลาประมาณ 6-7 วันจะเที่ยวได้สบายแบบไม่ต้องเร่งมากขึ้นครับ (อันนี้ความเห็นส่วนตัว ในกรณีที่เที่ยวสบายๆ ไม่เน้นอัดโปรแกรมในแต่ละวันมากจนเกินไปนะครับ)
Q : ค่าครองชีพเกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง ??
A : ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าใครเคยไปฮ่องกงมาแล้ว จะไม่รู้สึกว่าโซลจะแพงกว่าเลยครับ เพราะค่าครองชีพ ทั้งค่ารถไฟฟ้า ค่าอาหารการกิน ค่าแหล่งท่องเที่ยว ก็ไม่ได้ต่างจากฮ่องกงเลย ประหยัดกว่าญี่ปุ่นแน่นอนครับ เอาเป็นว่า ผมกล้าตีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,000 บาท/หัว/วันที่อยู่ (ไม่รวมค่าโรงแรมและค่าช๊อป) ก็น่าจะเอาอยู่ครับ
Q : เที่ยวเองยากไหม และจะไปเกาะนามิ หรือนอกเมืองได้อย่างไร ??
A : อยากจะบอกว่า ระบบขนส่งมวลชนของเกาหลี วางไว้ดีมากๆ เลยครับ นั่งรถไฟฟ้าออกไปเที่ยวนอกเมืองก็ได้ สำหรับเกาะนามิ ก็นั่งรถไฟออกไป อารมณ์นั่งรถไฟไปพัทยาหน่ะครับ หรือเมืองซูวอน และ เอเวอร์แลนด์ ก็อารมณ์ออกไปอยุธยาได้ ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากเลยครับ หากทำการบ้านมาซักนิด และมาหาข้อมูลตอนที่มาถึงเกาหลีแล้วอีกซักหน่อย ก็เที่ยวเองได้แล้วครับ
Q : ภาษาหล่ะ เป็นปัญหาหรือเปล่า ??
A : คนเกาหลี ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกันเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่เกียวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิเช่น จนท. ในสนามบิน, สถานีรถไฟฟ้า, ร้านอาหารในแหล่งท่องเที่ยว, แท๊กซี่(ที่คนขับยังรุ่นๆ ไม่เกิน 40 ปี), โรงแรม, เคาน์เตอร์ขายตั๋วสถานที่ท่องเที่ยว ใช้ภาษาอังกฤษได้หมดเลยครับ
อาจจะเหนื่อยก็ตรงเวลาไปทานร้านอาหารที่คนท้องถิ่นเค้าทานกัน อันนี้อาจจะต้องใช้ภาษามือ และภาษาท่าทาง พร้อมนิ้วชี้ประกอบเหนื่อยหน่อย แต่ก็สนุกดีครับ รับรองว่าไม่ยากหรอก หากผ่านหลักสูตร ฮ่องกง 102 มาแล้วครับ
Q : แล้วโรงแรมที่พักหล่ะ จะนอนที่ไหน และจองอย่างไรดี
A : โรงแรมที่พักในโซล มีมากมายเลยครับ เลือกได้ตามอัธยาศัย ตั้งแต่อารมณ์แบคแพคเกอร์ (อย่างที่ผมไปนอน ตามรอยหนังกวนมึนโฮ คือ Banana Backpacker) อารมณ์เกสต์เฮาส์สไตล์บ้านเกาหลี หรือโรงแรมใหญ่สไตล์ฝรั่ง ก็มีเพียบครับ ค่าห้องพักเฉลี่ยคืนละ 1,xxx บาทขึ้นไป สำหรับห้องเตียงคู่พร้อมห้องน้ำในตัวครับ เลือกทำเล และที่ตั้งตามอัธยาศัย
เปิดเว็บจองโรงแรมเปรียบเที่ยบราคาเอาได้เลยครับ
ถ้าเป็นทำเลย่านช๊อปปิ้งอย่าง เมียงดง ค่าห้องก็อาจจะอลังการตามทำเลนะครับ อย่าง Ibis Myeng Dong ค่าห้องพี่ท่านปาเข้าไป 4,xxx บาท/คืน เลยทีเดียวผมก็เลยเลือกไปนอนทำเลอื่น ที่ใกล้รถไฟฟ้าเหมือนกัน (ผมเลือกไปนอนตรง Jong-no3 ครับ)
Q : เงินวอนเกาหลี ตีเป็นเงินไทยง่ายๆ อย่างไรดี ??
A : สูตรที่ผมตีง่ายๆ นะครับคือ 10,000 วอน = 300 บาท
(ระวังอย่าจำสลับประเทศกันนะครับ
อย่างผมจะไปอินโดสิ้นเดือนนี้ 10,000 รูเปี๊ยะ = 30 บาท ในขณะที่ญี่ปุ่น 10,000 เยนก็ประมาณ 3,000 บาท --- จริงๆ แพงกว่า 3,000 บาทแล้ว เพราะค่าเงินญี่ปุ่นตอนนี้แข็งจริงอะไรจริง)
ภาพประกอบด้านล่าง เงินเกาหลีนะครับ
แบ๊งค์น้ำเงิน 1,000 วอน = 30 บาท
แบ๊งค์เขียว 10,000 วอน = 300 บาท
แบ๊งค์เหลือง 50,000 วอน (ใหญ่สุด) = 1,500 บาท นะครับ จะได้ไม่งง
Q : คนไทยต้องทำวีซ่าเข้าเกาหลีหรือเปล่า
A : สำหรับคนไทย ถือพาสปอร์ตไทยเข้าประเทศเกาหลีได้เลย โดยไม่ต้องทำวีซ่าครับ อารมณ์เดียวกับไปเที่ยว มาเลย์, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ลาว, เวียดนาม, ฮ่องกง, มาเก๊า ฯลฯ เพื่อนบ้านเรานี่หละครับ แต่จะยากกว่าที่อื่นๆ เพราะ ตม. เกาหลี เค้าจะเพ่งพิจารณาเรา มากกว่า ตม.ประเทศอื่นครับ
Q : ตม. เกาหลี ทำไมต้องเขี้ยวกับคนไทยตาดำๆ อย่างเราหล่ะ ??
A : สืบเนื่องจากคนสัญชาติไทย เป็นชาติอันดับต้นๆ ที่มีประวัติหลบหนีเข้าประเทศเกาหลี เพื่อไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย สำหรับหญิงไทยบางราย ก็เข้าไปประกอบอาชีพแบบนั้น ก็เลยทำให้ ตม.เกาหลี เพ่งเล็งคนไทย ที่กำลังจะเดินทางเข้าเกาหลี เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่จงใจจะเข้าเมืองแบบผิดๆ ได้หลุดเล็ดรอดออกไปได้ครับ
Q : ตม. เกาหลี เขี้ยวอย่างไรมั่งหล่ะ
A : สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ที่มีจุดประสงค์เป้าหมายชัดเจนว่า "ฉันมาเที่ยวนะ เดี๋ยวฉันก็กลับ ฉันไม่ได้มาทำงานที่นี่ ฉันมีครอบครัว การงานที่ต้องกลับไปทำอยู่" ถ้าลักษณะนี้ ยังไงก็ผ่านครับ ผมเชื่อมั่นว่าอย่างนั้น เพราะสิ่งแรกที่ จนท. ตม. เค้าจะดูก็คือ "อาชีพ" ของเราครับ
1. เพราะ อาชีพ เป็นสิ่งที่บอกตัวตนว่า ตอนนี้เรากำลังทำมาหากินอะไรอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังเรียนอยู่ ก็อาจจะเตรียมเอกสารเช่นใบรับรองสถานภาพนักศึกษา (จริงๆ แค่บัตรประจำตัวนักศึกษา ก็น่าจะเพียงพอแล้ว) หรือถ้าทำงานประจำ ก็มีใบรับรองการทำงานติดตัวมาเพื่อความอุ่นใจก็ดีครับ หรือถ้าเป็นเจ้าของกิจการ ก็เตรียมพวกใบรับรองการจดทะเบียนห้างร้านติดตัวมาเพื่อความสบายใจก็ได้ครับ (เชื่อว่าเค้าไม่ขอดูหรอก แต่ถ้าเพื่อความสบายใจก็ติดไว้ก็ดีครับ -- แต่ผมไม่เอาอะไรไปเลยนะ)
2. สิ่งที่เค้าจะขอดูและถามถึง แน่นอนนั่นก็คือ โรงแรมที่พัก, กำหนดการท่องเที่ยวของเรา และวันเดินทางกลับ ครับ เพื่อยืนยันว่า เราไม่ได้มาโรบินฮู๊ดที่นี่ ซึ่งถ้ามากับทัวร์ก็อาจจะตอบง่ายหน่อยว่ามากับทัวร์นี้ๆๆๆ แต่ถ้ามาเที่ยวเอง ก็เล่าคร่าวๆ ก้ได้ครับว่า พักที่นี่ๆๆ และ จะมาช๊อปปิ้งเมียงดง นัมแดมุน go to Nami และไปเอเวอร์แลนด์ ประมาณนี้ พร้อมกับโชว์ตั๋วเครื่องบินขากลับ ก็น่าจะโอเคแล้วครับ
3. การแต่งกายก็มีผลนะครับ
พยายามแต่งตัวให้ดูเรียบร้อยกว่าไปผ่าน ตม. ประเทศอื่นก็ดีครับ ถ้านุ่งกางเกงขาสั้น คีบแตะดาวเทียมไป ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไงมั่งนะครับ ถ้าใส่แค่กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ทำตัวเหมือนมาเที่ยวหน่อย ก็คิดว่าไม่มีปัญหา ส่วนคุณผู้หญิง ก็ใส่ชุดที่ดูเรียบร้อย ไม่ดูเปรี้ยว หรือแต่งหน้าจัดจ้านจนเกินไป (จนดูคล้ายหญิงที่ทำอาชีพอย่างนั้น) ก็คิดว่าไม่มีปัญหาหรอกครับ แม้ว่าจะเดินทางคนเดียวก็ตาม
4. ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ให้แค่พอสื่อสารรู้เรื่อง อันนี้ก็มีผลนะครับ เพราะควรจะต้องตอบคำถาม คุณ ตม. ให้ได้เคลียร์ชัดเจนทุกคำถาม อาทิเช่น ตม.ถามว่าจะไปเที่ยวไหน พักที่ไหน กลับวันไหน ถ้าตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษได้หมด ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ได้ อันนี้มีสิทธิ์โดนเรียกเข้าห้องเย็นได้นะครับ ดังนั้น ผมจึงได้กล่าวไว้บนข้างต้นว่า ก่อนจะไปเกาหลี(แบบเที่ยวด้วยตนเอง) ควรผ่านหลักสูตร สิงคโปร์ 101 และฮ่องกง 102 ก่อนแล้วค่อยไปเกาหลีจะดีที่สุด และเสริมสร้างความมั่นใจได้ยิ่งขึ้นครับ
5. เอกสารที่เตรียมไป ไม่จำเป็นต้องให้คุณ ตม. ดูทุกอย่างนะครับ !!
แต่เตรียมไว้ให้พร้อม ใส่ซองไว้เลย ถ้าคุณ ตม. อยากดูอะไร เราค่อยยื่นให้แกดูทีละอย่างครับ ตัวอย่างเช่น ตั๋วขากลับ, ใบจองโรงแรม ก็ค่อยยื่นให้แกดู ถ้าแกไม่ถาม แกไม่ขอดูก็ไม่ต้องยื่นให้แกดูครับ
6. ประวัติอันโชกโชนในการเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีผลนะครับ !!
ตัวอย่างเช่น พาสปอร์ตผม เดินทางไปหลายประเทศแล้ว (จริงๆ ก็แค่เอเชียนี่หละครับ ไกลสุดก็แค่ออสซี่) มีวีซ่าญี่ปุ่นอยู่ในเล่มด้วย คุณ จนท. แทบจะไม่ถามอะไรเลยครับ ประทับตราพร้อมกับรอยยิ้มเลยทีเดียว
แต่ถ้าใครมีพาสปอร์ตใหม่เอี่ยมขาวจั๊ว หรือเพิ่งเปลี่ยนพาสปอร์ตใหม่ ก็ตอบคำถามให้เคลียร์ พร้อมแสดงเอกสารที่เค้าอยากดูได้ ผมคิดว่าไม่มีปัญหาครับ
สิ่งสำคัญหนึ่งที่ขอย้ำเลย ว่า ## ห้ามถ่ายภาพ ตม.เกาหลี เด็ดขาดครับ แม้แต่แถวเข้าคิว ตม. ก็ห้าม เพราะถ้าจับได้ ก็คุยกันยาวหน่อยหล่ะครับ ###
สรุปก็คือ ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับ ที่จะผ่านเข้าเกาหลี
หากเรามีเจตนาบริสุทธิ์ชัดเจนว่า เราจะมาเที่ยวนะ มีตั๋วกลับ มีหน้าที่การงานที่ต้องกลับไปทำ ไม่ได้หลบหนีมาทำงาน ก็จะได้ประทับตรา ตม. เกาหลี หน้าตาแบบนี้หล่ะครับ