Recent Posts

Pages: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10
61
โรคริดสีดวงเป็นโรคที่คนเป็นเยอะมาก บางคนสามารถทานยาแล้วหายได้โดยไม่ต้องหาหมอ ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่าควรใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยให้อาการปวดและริดสีดวงหายไปได้เร็วและได้ผลที่สุด ซึ่งในยุคปัจจุบันยาในท้องตลาดนั้นถือว่ามีหลากหลาย และยาแต่ละชนิดก็มีจุดดีจุดเด่นของตัวเอง ที่สำคัญก่อนซื้อใช้ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเสมอ
 
ริดสีดวง เกิดจากอะไร มีกีลักษณะ
ก่อนจะมากล่าวถึงยารักษาริดสีดวง จะขอเล่าเรื่องราวของโรคริดสีดวงให้ฟังแบบคราวๆก่อน โดยการเกิดริดสีดวงนั้นสามารถเกิดได้ทั้งคนที่ท้องผูก หรือ ท้องเสีย เป็นประจำก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่นั่งทำงานนานๆก็เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
 
โดยโรคนี้เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ที่ขอบรูทวาร ทำให้เกิดการโป่งพองของหลอดเลือดดำออกมาเป็นติ่ง (Polyp) ให้เราเห็นได้ โดยริดสีดวงจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) และ ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids)
 
 
ริดสีดวงภายใน
 
ริดสีดวงประเภทนี้จะเกิดขึ้นเหนือทวารหนัก คลำไม่ได้ มองไม่เห็น จะเกิดการบวมมากขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบบ่อยๆครั้ง และตรวจพบด้วยการส่องกล้องเท่านั้นในตอนแรกๆ โดยริดสีดวงภายในจะมีด้วยกัน 4 ระยะ
 
ระยะที่ 1 มีขนาดเล็กไม่ยื่นออกมา จะพบเลือดสดเวลาหลังถ่ายอุจจาระได้
ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงโตขึ้น โผล่ออกมาขณะเบ่งถ่าย และ หดกลับเองหลังถ่ายเสร็จ มีเลือดสดออกบ่อยหลังถ่ายอุจจาระ
ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงขนาดใหญ่ และโผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ ต้องใช้มือดันกลับ และ มักมีอาการระคายเคือง
ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงโตมาก ดันอย่างไรก็ไม่กลับ อาจมีกลิ่นเหม็นถ้าแตก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด
 
 
ริดสีดวงภายนอก
 
สำหรับริดสีดวงลักษณะนี้จะเกิดที่ตอนปลาย บริเวณปากทวารหนัก สามารถมองเห็นได้ด้วยตา คลำได้ โดยหลอดเลือดกลุ่มนี้จะถูกปกคลุมด้วยผิวหนัง และปลายประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
 
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง ทำงานอย่างไร
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง คือ ยาที่ช่วยเข้าไปสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบการบวมของหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไม่คั่งข้างบริเวณหลอดเลือดดำที่ทวาร จดเกิดอาการบวม
 
ด้วยคุณลักษณะของยาที่พูดมา ทำให้ยาในกลุ่มนี้นอกจากจะบำรุงรักษาริดสีดวงแล้ว ยังสามารถนำมาใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดดำอื่นๆได้ เช่น โรคเส้นเลือดขอดเป็นต้น
 
 
ลักษณะของยาริดสีดวงต่างๆ
 
ยาเหน็บริดสีดวงดูปร็อค (Doproct) หากตั้งข้อสงสัยว่าคนที่เคยเป็นริดสีดวงจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็นยาเหน็บ โดยยาเหน็บ Doproct เป็นยาเหน็บที่มีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ มีความนิ่มและยืดหยุ่นพอประมาณ ซึ่งแนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็น และหากอยากได้นำมาใช้ก็อาจจะแช่ในน้ำเพื่อให้นุ่มขึ้น จะได้สอดใส่บริเวณทวารหนักได้ง่าย ตัวยาจะเน้นลดการอักเสบ ลดอาการคันและบวมเป็นหลัก
 
ยาทาดูปร็อคชนิดขึ้ผึ้ง (Doproct Oilment) เป็นยาที่ได้รับความนิยมชมชอบอีกเช่นกัน เพราะการใช้งานนั้นใช้ง่าย โดยเฉพาะบางคนที่ไม่ถนัดใช้ยาเหน็บ ส่วนมากเวลาถามหาครีมหรือยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาดูปร็อคที่เป็นขี้ผึ้งกลับไปใช้ โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ hydrocortisone, zinc oxide และbenzocaine วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาขี้ผึ้งบริเวณรอบทวารหนักเช้าเย็นวันละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการปวดและคันได้พอสมควรเลยทีเดียว
 
ยาริดสีดวงดาฟลอน (Daflon) เวลาไปร้านยาแล้วไม่เข้าใจว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้กลับมาเสมอ ต้องยอมรับเลยว่ายาดาฟลอน (Daflon) เป็นยาริดสีดวงที่มีประสิทธิผลสูง และแพทย์นิยมสั่งจ่ายอันดับต้นๆ โดยยาดาฟลอนนั้นใช้ในการบำรุงรักษาความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งจะมีกลไกไปออกฤทธิ์ช่วยสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ทำให้ริดสีดวงหดตัวและบรรเทาอาการปวดได้ ในการพัฒนาความรู้วิจัยของประเทศออสเตรียในปี 2547 พบว่ายาดาฟลอน ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นในเวลาไม่นาน
 
ยาเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นยาที่มีมีสารไบโอฟลาโวนอยด์เป็นหลัก ถือเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการรักษาริดสีดวงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะหากไปปรึกษาเภสัชกรว่าจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้มาทานควบคู่กับยาดาฟลอนหรือไดออสมิน ยาเฮสเพอริดินจะทำหน้าที่หลักในการเยียวยาอาการที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชนิดต่างๆ อาทิเช่น ริดสีดวง เส้นเลือดขอด โดยตัวยาจะช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย
 
ยาซีดูออล (Siduol) เป็นยาที่มีสารผสมที่หลากหลาย และยังมี Rutin ซึ่งมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือด อีกทั้งยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวที่ช่วยลดอาการอักเสบบริเวณที่เป็นแผล รวมถึงช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผลมีการอักเสบ เพราะฉะนั้นเวลาค้นหาข้อมูลว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะพบยานี้เป็นยาแนะนำลำดับแรกๆ เหมือนกัน
 
ไม่ควรมัวแต่ถามหาว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี การใช้ยานั้นจะดีขึ้นได้ก็ต้องอาศัยวินัยและการปฏิบัติตัวที่สมควรของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้อาการริดสีดวงดีขึ้นไวที่สุด คือ การดูแลและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเราเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง การดื่มน้ำเยอะๆ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ คาเฟอีน บริหารร่างกายเป็นประจำ และอีกหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าตัวเราเองและความมุ่งมั่นนั้นเป็นตัวแปรหลักในการรักษาร่างกายให้หายจากริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด
 
เว็บไซต์: http://seotoprank.online/
62
โรคริดสีดวงเป็นโรคที่คนเป็นเยอะมาก บางท่านสามารถทานยาแล้วหายได้โดยไม่ต้องหาหมอ ดังนั้นจึงเกิดข้อสงสัยว่าควรใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยให้อาการปวดและริดสีดวงหายไปได้เร็วและได้ผลที่สุด ซึ่งในปัจจุบันยาในท้องตลาดนั้นถือว่ามีหลากหลาย และยาแต่ละชนิดก็มีจุดดีจุดเด่นของตัวเอง ที่สำคัญก่อนซื้อใช้ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเสมอ
 
ริดสีดวง เกิดจากอะไร มีกีลักษณะ
ก่อนจะมาพูดถึงยาบำรุงรักษาริดสีดวง จะขอเล่าเรื่องราวของโรคริดสีดวงให้ฟังแบบคราวๆก่อน โดยการเกิดริดสีดวงนั้นสามารถเกิดได้ทั้งคนที่ท้องผูก หรือ ท้องเสีย เป็นประจำก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่นั่งทำงานนานๆก็เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
 
โดยโรคนี้เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ที่ขอบรูทวาร ทำให้เกิดการโป่งพองของหลอดเลือดดำออกมาเป็นติ่ง (Polyp) ให้เราเห็นได้ โดยริดสีดวงจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) และ ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids)
 
 
ริดสีดวงภายใน
 
ริดสีดวงหมวดหมู่นี้จะเกิดขึ้นเหนือทวารหนัก คลำไม่ได้ มองไม่เห็น จะเกิดการบวมมากขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบบ่อยๆครั้ง และตรวจพบด้วยการส่องกล้องเท่านั้นในช่วงแรกๆ โดยริดสีดวงภายในจะมีด้วยกัน 4 ระยะ
 
ระยะที่ 1 มีขนาดเล็กไม่ยื่นออกมา จะพบเลือดสดเวลาหลังถ่ายอุจจาระได้
ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงโตขึ้น โผล่ออกมาขณะเบ่งถ่าย และ หดกลับเองหลังถ่ายเสร็จ มีเลือดสดออกบ่อยหลังถ่ายอุจจาระ
ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงขนาดใหญ่ และโผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ ต้องใช้มือดันกลับ และ มักมีอาการระคายเคือง
ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงโตมาก ดันยังไงก็ไม่กลับ อาจมีกลิ่นเหม็นถ้าแตก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด
 
 
ริดสีดวงภายนอก
 
สำหรับริดสีดวงหมวดหมู่นี้จะเกิดที่ตอนปลาย บริเวณปากทวารหนัก สามารถมองเห็นได้ด้วยตา คลำได้ โดยหลอดเลือดกลุ่มนี้จะถูกปกคลุมด้วยผิวหนัง และปลายประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
 
 
ยารักษาริดสีดวง ทำงานยังไง
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง คือ ยาที่ช่วยเข้าไปสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบการบวมของหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไม่คั่งข้างบริเวณหลอดเลือดดำที่ทวาร จดเกิดอาการบวม
 
ด้วยคุณลักษณะของยาที่พูดมา ทำให้ยาในกลุ่มนี้นอกจากจะรักษาริดสีดวงแล้ว ยังสามารถนำมาใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดดำอื่นๆได้ เช่น โรคเส้นเลือดขอดเป็นต้น
 
 
กลุ่มของยาริดสีดวงต่างๆ
 
ยาเหน็บริดสีดวงดูปร็อค (Doproct) หากถามว่าคนที่เคยเป็นริดสีดวงจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็นยาเหน็บ โดยยาเหน็บ Doproct เป็นยาเหน็บที่มีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ มีความนิ่มและยืดหยุ่นพอประมาณ ซึ่งนำเสนอให้เก็บไว้ในตู้เย็น และหากต้องการนำมาใช้ก็อาจจะแช่ในน้ำเพื่อทำให้นุ่มขึ้น จะได้สอดใส่บริเวณทวารหนักได้ง่าย ตัวยาจะเน้นลดการอักเสบ ลดอาการคันและบวมเป็นหลัก
 
ยาทาดูปร็อคชนิดขึ้ผึ้ง (Doproct Oilment) เป็นยาที่ได้รับความนิยมอีกเช่นกัน เพราะการใช้งานนั้นใช้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนที่ไม่ถนัดใช้ยาเหน็บ ส่วนใหญ่เวลาถามหาครีมหรือยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาดูปร็อคที่เป็นขี้ผึ้งกลับไปใช้ โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ hydrocortisone, zinc oxide และbenzocaine วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาขี้ผึ้งบริเวณรอบทวารหนักเช้าเย็นวันละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการปวดและคันได้พอสมควรเลยทีเดียว
 
ยาริดสีดวงดาฟลอน (Daflon) เวลาไปร้านยาแล้วข้องใจว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้กลับมาเสมอ ต้องยอมรับเลยว่ายาดาฟลอน (Daflon) เป็นยาริดสีดวงที่มีประสิทธิผลสูง และแพทย์นิยมชมชอบสั่งจ่ายอันดับต้นๆ โดยยาดาฟลอนนั้นใช้ในการรักษาความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งจะมีกลไกไปออกฤทธิ์ช่วยสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ทำให้ริดสีดวงหดตัวและบรรเทาอาการปวดได้ ในการเรียนรู้วิจัยของประเทศออสเตรียในปี 2547 พบว่ายาดาฟลอน ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นในเวลาไม่นาน
 
ยาเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นยาที่มีมีสารไบโอฟลาโวนอยด์เป็นหลัก ถือเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการบำรุงรักษาริดสีดวงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไปปรึกษาเภสัชกรว่าจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้มาทานควบคู่กับยาดาฟลอนหรือไดออสมิน ยาเฮสเพอริดินจะทำหน้าที่หลักในการเยียวยาอาการที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชนิดต่างๆ อาทิเช่น ริดสีดวง เส้นเลือดขอด โดยตัวยาจะช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย
 
ยาซีดูออล (Siduol) เป็นยาที่มีสารผสมที่หลากหลาย และยังมี Rutin ซึ่งมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือด อีกทั้งยังมีส่วนประกอบอีกหลายตัวที่ช่วยลดอาการอักเสบบริเวณที่เป็นแผล รวมถึงช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผลมีการอักเสบ ฉะนั้นเวลาค้นหาข้อมูลว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะพบยานี้เป็นยาแนะนำลำดับแรกๆ เช่นเดียวกัน
 
อย่ามัวแต่ถามหาว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี การใช้ยานั้นจะดีขึ้นได้ก็ต้องอาศัยวินัยและการปฏิบัติตัวที่สมควรของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะสิ่งสำคัญที่จะส่งเสริมให้อาการริดสีดวงดีขึ้นไวที่สุด คือ การดูแลและเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของตัวเราเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง การดื่มน้ำมากๆ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ คาเฟอีน บริหารร่างกายเป็นประจำ และอีกหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าตัวเราเองและความมุ่งมั่นนั้นเป็นตัวแปรหลักในการบำรุงรักษาร่างกายให้หายจากริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิผลที่สุด
 
เว็บไซต์: http://blog4seo.online/
63
โรคริดสีดวงเป็นโรคที่คนเป็นเยอะมาก บางคนสามารถทานยาแล้วหายได้โดยไม่ต้องหาหมอ ฉะนั้นจึงเกิดข้อสงสัยว่าควรใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยให้อาการปวดและริดสีดวงหายไปได้เร็วและได้ผลที่สุด ซึ่งในยุคนี้ยาในท้องตลาดนั้นถือว่ามีหลากหลาย และยาแต่ละชนิดก็มีจุดดีจุดเด่นของตัวเอง ที่สำคัญก่อนซื้อใช้ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเสมอ
 
ริดสีดวง เกิดจากอะไร มีกีรูปแบบ
ก่อนจะมากล่าวถึงยาบำรุงรักษาริดสีดวง จะขอเล่าเรื่องราวของโรคริดสีดวงให้ฟังแบบคราวๆก่อน โดยการเกิดริดสีดวงนั้นสามารถเกิดได้ทั้งคนที่ท้องผูก หรือ ท้องเสีย เป็นประจำก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่นั่งทำงานนานๆก็เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
 
โดยโรคนี้เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ที่ขอบรูทวาร ทำให้เกิดการโป่งพองของหลอดเลือดดำออกมาเป็นติ่ง (Polyp) ให้เราเห็นได้ โดยริดสีดวงจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) และ ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids)
 
 
ริดสีดวงภายใน
 
ริดสีดวงประเภทนี้จะเกิดขึ้นเหนือทวารหนัก คลำไม่ได้ มองไม่เห็น จะเกิดการบวมมากขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบบ่อยๆครั้ง และตรวจพบด้วยการส่องกล้องเท่านั้นในช่วงแรกๆ โดยริดสีดวงภายในจะมีด้วยกัน 4 ระยะ
 
ระยะที่ 1 มีขนาดเล็กไม่ยื่นออกมา จะพบเลือดสดเวลาหลังถ่ายอุจจาระได้
ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงโตขึ้น โผล่ออกมาขณะเบ่งถ่าย และ หดกลับเองหลังถ่ายเสร็จ มีเลือดสดออกบ่อยหลังถ่ายอุจจาระ
ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงขนาดใหญ่ และโผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ ต้องใช้มือดันกลับ และ มักมีอาการระคายเคือง
ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงโตมาก ดันยังไงก็ไม่กลับ อาจมีกลิ่นเหม็นถ้าแตก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด
 
 
ริดสีดวงภายนอก
 
สำหรับริดสีดวงประเภทนี้จะเกิดที่ตอนปลาย บริเวณปากทวารหนัก สามารถมองเห็นได้ด้วยตา คลำได้ โดยหลอดเลือดกลุ่มนี้จะถูกปกคลุมด้วยผิวหนัง และปลายประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
 
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง ทำงานอย่างไร
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง คือ ยาที่ช่วยเข้าไปสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบการบวมของหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไม่คั่งข้างบริเวณหลอดเลือดดำที่ทวาร จดเกิดอาการบวม
 
ด้วยคุณสมบัติของยาที่พูดมา ทำให้ยาในกลุ่มนี้นอกจากจะรักษาริดสีดวงแล้ว ยังสามารถนำมาใช้บำรุงรักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดดำอื่นๆได้ เช่น โรคเส้นเลือดขอดเป็นต้น
 
 
กลุ่มของยาริดสีดวงต่างๆ
 
ยาเหน็บริดสีดวงดูปร็อค (Doproct) หากถามว่าคนที่เคยเป็นริดสีดวงจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็นยาเหน็บ โดยยาเหน็บ Doproct เป็นยาเหน็บที่มีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ มีความนิ่มและยืดหยุ่นพอราวๆ ซึ่งนำเสนอให้เก็บสะสมในตู้เย็น และหากต้องการนำมาใช้ก็อาจจะแช่ในน้ำเพื่อให้นุ่มขึ้น จะได้สอดใส่บริเวณทวารหนักได้ง่าย ตัวยาจะเน้นลดการอักเสบ ลดอาการคันและบวมเป็นหลัก
 
ยาทาดูปร็อคชนิดขึ้ผึ้ง (Doproct Oilment) เป็นยาที่ได้รับความนิยมชมชอบอีกเช่นกัน เพราะการใช้งานนั้นใช้ง่าย โดยเฉพาะบางคนที่ไม่ถนัดใช้ยาเหน็บ ส่วนใหญ่เวลาถามหาครีมหรือยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาดูปร็อคที่เป็นขี้ผึ้งกลับไปใช้ โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ hydrocortisone, zinc oxide และbenzocaine วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาขี้ผึ้งบริเวณรอบทวารหนักเช้าเย็นวันละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการปวดและคันได้พอสมควรเลยทีเดียว
 
ยาริดสีดวงดาฟลอน (Daflon) เวลาไปร้านยาแล้วไม่เข้าใจว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้กลับมาเสมอ ต้องยอมรับเลยว่ายาดาฟลอน (Daflon) เป็นยาริดสีดวงที่มีประสิทธิผลสูง และแพทย์นิยมชมชอบสั่งจ่ายอันดับต้นๆ โดยยาดาฟลอนนั้นใช้ในการบำรุงรักษาความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งจะมีกลไกไปออกฤทธิ์ช่วยสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ทำให้ริดสีดวงหดตัวและบรรเทาอาการปวดได้ ในการศึกษาวิจัยของประเทศออสเตรียในปี 2547 พบว่ายาดาฟลอน ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นในเวลาไม่นาน
 
ยาเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นยาที่มีมีสารไบโอฟลาโวนอยด์เป็นหลัก ถือเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการรักษาริดสีดวงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะหากไปปรึกษาเภสัชกรว่าจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้มาทานควบคู่กับยาดาฟลอนหรือไดออสมิน ยาเฮสเพอริดินจะทำหน้าที่หลักในการเยียวยาอาการที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชนิดต่างๆ อาทิเช่น ริดสีดวง เส้นเลือดขอด โดยตัวยาจะช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย
 
ยาซีดูออล (Siduol) เป็นยาที่มีสารผสมที่หลากหลาย และยังมี Rutin ซึ่งมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือด อีกทั้งยังมีส่วนประกอบอีกหลายตัวที่ช่วยลดอาการอักเสบบริเวณที่เป็นแผล รวมถึงช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผลมีการอักเสบ ฉะนั้นเวลาค้นหาข้อมูลว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะพบยานี้เป็นยาแนะนำอันดับแรกๆ เหมือนกัน
 
อย่ามัวแต่ถามหาว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี การใช้ยานั้นจะดีขึ้นได้ก็ต้องอาศัยวินัยและการปฏิบัติตัวที่สมควรของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อาการริดสีดวงดีขึ้นไวที่สุด คือ การดูแลและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเราเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง การดื่มน้ำมากๆ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ คาเฟอีน บริหารร่างกายเป็นประจำ และอีกหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าตัวเราเองและความพยายามนั้นเป็นปัจจัยหลักในการรักษาร่างกายให้หายจากริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุดhttps://www.montraherbal.com
64
CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดอันดับกูเกิล
 
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายคนสนิทสนมหรือรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่มีเว็บของตัวเองหรือรับทำเว็บก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ยอดจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บมากชนิดที่พูดได้ว่า ถ้าเว็บไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้
 
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การพัฒนาเว็บไซต์ (ทั้งหมด) ให้มีความเหมาะสมในการติดอันดับการทำการค้นหาของเครื่องมือทำการค้นหายอดฮิตอย่าง Google แต่การที่จะทำให้เว็บของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ในหน้าการทำการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น จำเป็นที่่จะอยากได้พัฒนาเว็บไซต์ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (เนื้อหา), ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บ หรือแม้กระทั่งโครงการของเว็บไซต์ ก็มีผลด้วยเช่นกัน
 
ก่อนอื่นลองไตร่ตรองตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า “ที่พักเชียงใหม่” ซึ่งเป็น Keyword ในการทำการค้นหา คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บ ที่มีความสอดคล้องกับ Keyword ที่ใช้ทำการค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บไซต์ของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการค้นหาลำดับแรกๆ ให้กับผู้ที่ทำการค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บของเรามีปริมาณคนเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง
 
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า SEO สามารถช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราให้มากขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไร โอกาสที่เราจะจำหน่ายของก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของข้อเท็จจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านขายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิต ที่มีผู้คนขวักไขว่ ร้านค้าออนไลน์ของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากแค่ไหน และความน่าจะเป็นที่เราจะจำหน่ายสินค้าได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บไซต์ของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง “ทำเลทอง” เพราะจะมีผู้เยี่ยมชมคลิกเข้าสู่เว็บของเรามากมาย และความน่าจะเป็นที่จะเปลี่ยนให้ผู้เข้าชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย
 
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บในยุคนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องการดำเนินธุรกิจร้านค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างมาก เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา
 
 
ในเมื่อก่อนร้านค้า บริษัท หรือองค์กร มีเว็บไซต์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บอย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บไซต์ แต่ในยุคนี้นี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้า บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เห็นคุณค่าถึงความสำคัญของการทำเว็บไซต์เพื่อเปิดวิถีทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมากมาย การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บ
 
Search Engine คือ แอฟที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการทำการค้นหา จากนั้น Google Search จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บไซต์หลายๆ เว็บ ที่มีความสอดคล้องกับ Keyword นั้น นั่นก็มีความหมายว่า เว็บที่แสดงผลในอันดับแรกๆ ของ Google Search ที่มียูสเซอร์มากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์นั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อมีคนเข้าชมเว็บเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมามากมาย เช่น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการ การขายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บ แต่เว็บไซต์ของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Google Search แล้วล่ะก็ เว็บของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับต้นๆของ Search Engine จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือปรับปรุงเว็บให้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ของการทำการค้นหาใน Search Engine ใน Keyword ที่สมควรและตรงตามเป้าหมายของเว็บ เพื่อให้อยู่ในระดับสายตา และสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
 
 
 
SEO คืออะไร? ดันเว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ไม่ยากอย่างที่คิด
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาต่าง ๆ ให้พึงพอใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Google Search (Google Search อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น)
 
เพื่อทำให้หน้าเว็บธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บโดยไม่มีรายจ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกเยอะแยะที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่สนใจการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง
 
ซึ่งบางท่านอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางคนก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่การันตีว่าหากท่านได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดจำหน่ายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะเป้าประสงค์ของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการบำรุงรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บคู่แข่งของเราจะเข้ามาแทนที่
 
แล้ว SEO ที่เรากล่าวถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีขั้นตอนการทำงานยังไงบ้าง หากท่านอยากรู้ ทีม CSLSEO จะมาเล่าให้ฟัง
 
 
ทำความเข้าใจ Google Search เหตุผลที่หลายธุรกิจอยากได้ทำ SEO
 
เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Google Search มีการดำเนินงานอย่างไร ซึ่งเป็นคล้ายปัจจัยหลักของกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้
 
หน้าที่หลักของ Search Engine อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลบนโลกเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาจัดเรียงอันดับความสอดคล้อง เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพอใจต่อการค้นหามากที่สุด ส่วนมากแล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Google Search นั้นมีจุดหมายปลายทางเพื่อต้องการหาคำตอบให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการทำการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความเร็วของผลการค้นหา, ความสัมพันธ์ของบทความ, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าไว้วางใจ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของยูสเซอร์
 
แล้ว Google Search ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงอันดับเว็บ? เราสามารถแบ่งการดำเนินงานของ Google Search ได้เป็น 3 กระบวนการด้วยกัน คือ
 
1. Crawling (การเก็บข้อมูล): ระเบียบการการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บต่างๆ เพื่อรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บ, URLs, หัวข้อ, บทความ, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บไซต์ เมื่อสแกนเว็บไซต์หนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บไซต์ที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บอื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บไซต์นั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Search Engine สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
 
2. Index ing (ทำดัชนี): ภายหลังทำการสแกนข้อมูลเว็บไซต์จนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ Index ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ Index เหมือนห้องสมุดที่รวบรวมเว็บไซต์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บไซต์ที่ต้องการแสดงอยู่บนผลการค้นหา มีความจำเป็นจะต้องผ่านระบบการ อินเด็กซ์ing ของ Google Search เสียก่อน
 
3. Ranking (ทำการค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Google Search จะทำการหาข้อมูลเว็บที่มีความสัมพันธ์มากที่สุด จากคลัง Index แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าเชื่อถือและ อื่นๆ
 
 
ความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ SEO ขั้นพื้นฐาน
เริ่มสร้างเว็บขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 แนวทาง
 
1. ทำการค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
 
เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บไซต์ และผู้ค้นหา เราจำเป็นจะต้องมี “Keyword” (คีย์เวิร์ด) เป็นคล้าย GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการค้นหาของเราเสมอ
 
ตัวอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า “SEO คืออะไร” ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดง Content ที่มีความเกี่ยวข้อง และเว็บไซต์ที่มีโอกาสจะตอบสนองความประสงค์ของเรามากที่สุด เว็บไซต์ชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในบทความ และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่าคอนเทนต์ของเรามีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนกำลังทำการค้นหา
 
ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เหมือนความประสงค์ของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำคอนเทนต์หรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บของเราตอบสนองความประสงค์ โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากอยากทำให้เว็บติดอันดับหน้าแรกของ Google การค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
 
การค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อทำให้ยูสเซอร์สามารถเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic
 
 
2. ปรับโครงสร้างเว็บ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งยูสเซอร์และ Search Engine
 
ต่อมาเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บไซต์เราได้แล้ว เราต้องมั่นใจว่าเว็บของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะทำให้ผู้ค้นหาสนใจ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นระยะเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บไซต์เป็นระยะเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดขาย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บไซต์เรา
 
ทั้งนี้การออกแบบโครงสร้าง SEO เว็บที่ดีจะส่งเสริมให้ Google Search Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ Index ข้อมูลบนเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บไซต์จะเป็นเหมือนผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Search Engine และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่ต้องการได้อย่างสะดวก ส่งผลทำให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มขึ้น (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอยู่เว็บไซต์เรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking)
 
หนึ่งตัวอย่างของการสร้างเว็บไซต์ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของเนื้อหาต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการทำการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บไซต์นี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การค้นหา Content ที่ต้องการสำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นจำเป็นต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูเหมือนจงใจมากเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
นอกจากนี้ การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิผลยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความรวดเร็วของเว็บไซต์, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่เราควรคิดถึงอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องการทำ SEO เว็บไซต์นั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งาน (User Experience)
 
 
3.  On-Page Optimization
 
การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO ในหน้าเว็บเพจของเรา เพื่อมั่นใจว่าหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือฝ่ายตรงข้ามในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพคอนเทนต์ และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับบทความเว็บให้มีประสิทธิภาพต่อ SEO อย่างสูงสุด
 
เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการสอดแทรก Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
- Title Tag: หัวข้อเนื้อหาที่เราต้องการให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะส่งเสริมให้เกิดจำนวนคลิกเข้าเว็บมากที่สุด
 
- Meta Description: คำชี้แจงสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำอธิบายเพิ่มจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บไซต์เขาจะเจอคอนเทนต์แบบไหน Meta Description ควรเป็นบทความพูดถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บของเรามากกว่าเว็บฝ่ายตรงข้าม
 
- Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าโฮมเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของคอนเทนต์ เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการงงๆของผู้ใช้งานและ Search Engine Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามลำดับ
 
- Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถสอดเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยไม่เข้าใจไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราทำการค้นหา คำตอบก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง
 
- URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บให้มีความสัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดได้จากการสอด Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก
 
 
4. Off-Page Optimization
 
ในทางกลับกัน Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล SEO นอกเว็บไซต์ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บไซต์อื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือกล่าวถึงเรา เหมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าพึงพอใจสินค้าของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และนำเสนอให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในกฎเดียวกัน ยิ่งมีเว็บไซต์ข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บของเรามากเท่าไหร่ ความน่าไว้วางใจที่ Google มีต่อเว็บไซต์ของเราจะมากขึ้นเท่านั้น
 
ปัจจัยหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิผลเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง
 
การทำ Backlink ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดคือการเขียนเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานมากจนเป็นที่พูดถึง และยูสเซอร์จะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะทำให้ Content ของเราถูกบอกต่อในโลกที่มีเนื้อหาอย่างมากมายก่ายกองในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง
 
เพราะฉะนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียนเนื้อหาลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีบทความเกี่ยวข้องกับเว็บของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บไซต์ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะคุ้นเคยกันดีคือ วิถีทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์คอนเทนต์ของเราผ่านวิถีทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี
 
https://cslseo.com
65
โรคริดสีดวงเป็นโรคที่คนเป็นเยอะมาก บางท่านสามารถทานยาแล้วหายได้โดยไม่ต้องหาหมอ ดังนั้นจึงเกิดข้อสงสัยว่าควรใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยให้อาการปวดและริดสีดวงหายไปได้เร็วและได้ผลที่สุด ซึ่งในยุคปัจจุบันยาในท้องตลาดนั้นถือว่ามีหลากหลาย และยาแต่ละชนิดก็มีจุดดีจุดเด่นของตัวเอง ที่สำคัญก่อนซื้อใช้ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเสมอ
 
ริดสีดวง เกิดจากอะไร มีกีประเภท
ก่อนจะมาพูดถึงยารักษาริดสีดวง จะขอเล่าเรื่องราวของโรคริดสีดวงให้ฟังแบบคราวๆก่อน โดยการเกิดริดสีดวงนั้นสามารถเกิดได้ทั้งคนที่ท้องผูก หรือ ท้องเสีย เป็นประจำก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่นั่งทำงานนานๆก็เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
 
โดยโรคนี้เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ที่ขอบรูทวาร ทำให้เกิดการโป่งพองของหลอดเลือดดำออกมาเป็นติ่ง (Polyp) ให้เราเห็นได้ โดยริดสีดวงจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) และ ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids)
 
 
ริดสีดวงภายใน
 
ริดสีดวงหมวดหมู่นี้จะเกิดขึ้นเหนือทวารหนัก คลำไม่ได้ มองไม่เห็น จะเกิดการบวมมากขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบบ่อยๆครั้ง และตรวจพบด้วยการส่องกล้องเท่านั้นในตอนแรกๆ โดยริดสีดวงภายในจะมีด้วยกัน 4 ระยะ
 
ระยะที่ 1 มีขนาดเล็กไม่ยื่นออกมา จะพบเลือดสดเวลาหลังถ่ายอุจจาระได้
ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงโตขึ้น โผล่ออกมาขณะเบ่งถ่าย และ หดกลับเองหลังถ่ายเสร็จ มีเลือดสดออกบ่อยหลังถ่ายอุจจาระ
ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงขนาดใหญ่ และโผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ ต้องใช้มือดันกลับ และ มักมีอาการระคายเคือง
ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงโตมาก ดันยังไงก็ไม่กลับ อาจมีกลิ่นเหม็นถ้าแตก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด
 
 
ริดสีดวงภายนอก
 
สำหรับริดสีดวงกลุ่มนี้จะเกิดที่ตอนปลาย บริเวณปากทวารหนัก สามารถมองเห็นได้ด้วยตา คลำได้ โดยหลอดเลือดกลุ่มนี้จะถูกปกคลุมด้วยผิวหนัง และปลายประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
 
 
ยารักษาริดสีดวง ทำงานอย่างไร
 
ยารักษาริดสีดวง คือ ยาที่ช่วยเข้าไปสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบการบวมของหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไม่คั่งข้างบริเวณหลอดเลือดดำที่ทวาร จดเกิดอาการบวม
 
ด้วยคุณลักษณะของยาที่กล่าวมา ทำให้ยาในกลุ่มนี้นอกจากจะบำรุงรักษาริดสีดวงแล้ว ยังสามารถนำมาใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดดำอื่นๆได้ เช่น โรคเส้นเลือดขอดเป็นต้น
 
 
กลุ่มของยาริดสีดวงต่างๆ
 
ยาเหน็บริดสีดวงดูปร็อค (Doproct) หากตั้งข้อสงสัยว่าคนที่เคยเป็นริดสีดวงจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็นยาเหน็บ โดยยาเหน็บ Doproct เป็นยาเหน็บที่มีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ มีความนิ่มและยืดหยุ่นพอประมาณ ซึ่งนำเสนอให้เก็บสะสมในตู้เย็น และหากต้องการนำมาใช้ก็อาจจะแช่ในน้ำเพื่อให้นุ่มขึ้น จะได้สอดใส่บริเวณทวารหนักได้ง่าย ตัวยาจะเน้นลดการอักเสบ ลดอาการคันและบวมเป็นหลัก
 
ยาทาดูปร็อคชนิดขึ้ผึ้ง (Doproct Oilment) เป็นยาที่ได้รับความชื่นชอบอีกเช่นกัน เพราะการใช้งานนั้นใช้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนที่ไม่ถนัดใช้ยาเหน็บ ส่วนมากเวลาถามหาครีมหรือยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาดูปร็อคที่เป็นขี้ผึ้งกลับไปใช้ โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ hydrocortisone, zinc oxide และbenzocaine วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาขี้ผึ้งบริเวณรอบทวารหนักเช้าเย็นวันละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการปวดและคันได้พอสมควรเลยทีเดียว
 
ยาริดสีดวงดาฟลอน (Daflon) เวลาไปร้านยาแล้วไม่เข้าใจว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้กลับมาเสมอ ต้องยินยอมเลยว่ายาดาฟลอน (Daflon) เป็นยาริดสีดวงที่มีประสิทธิภาพสูง และแพทย์นิยมสั่งจ่ายอันดับแรกๆ โดยยาดาฟลอนนั้นใช้ในการรักษาความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งจะมีกลไกไปออกฤทธิ์ช่วยสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ทำให้ริดสีดวงหดตัวและบรรเทาอาการปวดได้ ในการพัฒนาความรู้วิจัยของประเทศออสเตรียในปี 2547 พบว่ายาดาฟลอน ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นในเวลาไม่นาน
 
ยาเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นยาที่มีมีสารไบโอฟลาโวนอยด์เป็นหลัก ถือเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการบำรุงรักษาริดสีดวงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไปปรึกษาเภสัชกรว่าจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้มาทานควบคู่กับยาดาฟลอนหรือไดออสมิน ยาเฮสเพอริดินจะทำหน้าที่หลักในการเยียวยาอาการที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชนิดต่างๆ อาทิเช่น ริดสีดวง เส้นเลือดขอด โดยตัวยาจะช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย
 
ยาซีดูออล (Siduol) เป็นยาที่มีสารผสมที่หลากหลาย และยังมี Rutin ซึ่งมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอีกหลายตัวที่ช่วยลดอาการอักเสบบริเวณที่เป็นแผล รวมถึงช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผลมีการอักเสบ เพราะฉะนั้นเวลาค้นหาข้อมูลว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะพบยานี้เป็นยานำเสนอลำดับแรกๆ เช่นเดียวกัน
 
ไม่ควรมัวแต่ถามหาว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี การใช้ยานั้นจะดีขึ้นได้ก็ต้องอาศัยวินัยและการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อาการริดสีดวงดีขึ้นไวที่สุด คือ การดูแลและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเราเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง การดื่มน้ำเยอะๆ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ คาเฟอีน ออกกำลังกายเป็นประจำ และอีกหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าตัวเราเองและความมุ่งมั่นนั้นเป็นปัจจัยหลักในการบำรุงรักษาร่างกายให้หายจากริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิผลที่สุด
 
เว็บไซต์: https://www.montraherbal.com
66
โรคริดสีดวงเป็นโรคที่คนเป็นเยอะมาก บางคนสามารถทานยาแล้วหายได้โดยไม่ต้องหาหมอ เพราะฉะนั้นจึงเกิดคำถามว่าควรใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยให้อาการปวดและริดสีดวงหายไปได้เร็วและได้ผลที่สุด ซึ่งในสมัยนี้ยาในท้องตลาดนั้นถือว่ามีหลากหลาย และยาแต่ละชนิดก็มีจุดดีข้อดีของตัวเอง ที่สำคัญก่อนซื้อใช้ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเสมอ
 
ริดสีดวง เกิดจากอะไร มีกีหมวดหมู่
ก่อนจะมากล่าวถึงยารักษาริดสีดวง จะขอเล่าเรื่องราวของโรคริดสีดวงให้ฟังแบบคราวๆก่อน โดยการเกิดริดสีดวงนั้นสามารถเกิดได้ทั้งคนที่ท้องผูก หรือ ท้องเสีย เป็นประจำก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่นั่งทำงานนานๆก็เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
 
โดยโรคนี้เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ที่ขอบรูทวาร ทำให้เกิดการโป่งพองของหลอดเลือดดำออกมาเป็นติ่ง (Polyp) ให้เราเห็นได้ โดยริดสีดวงจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) และ ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids)
 
 
ริดสีดวงภายใน
 
ริดสีดวงลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเหนือทวารหนัก คลำไม่ได้ มองไม่เห็น จะเกิดการบวมมากขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบบ่อยๆครั้ง และตรวจพบด้วยการส่องกล้องเท่านั้นในระยะแรกๆ โดยริดสีดวงภายในจะมีด้วยกัน 4 ระยะ
 
ระยะที่ 1 มีขนาดเล็กไม่ยื่นออกมา จะพบเลือดสดเวลาหลังถ่ายอุจจาระได้
ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงโตขึ้น โผล่ออกมาขณะเบ่งถ่าย และ หดกลับเองหลังถ่ายเสร็จ มีเลือดสดออกบ่อยหลังถ่ายอุจจาระ
ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงขนาดใหญ่ และโผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ ต้องใช้มือดันกลับ และ มักมีอาการระคายเคือง
ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงโตมาก ดันยังไงก็ไม่กลับ อาจมีกลิ่นเหม็นถ้าแตก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด
 
 
ริดสีดวงภายนอก
 
สำหรับริดสีดวงประเภทนี้จะเกิดที่ตอนปลาย บริเวณปากทวารหนัก สามารถมองเห็นได้ด้วยตา คลำได้ โดยหลอดเลือดกลุ่มนี้จะถูกปกคลุมด้วยผิวหนัง และปลายประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
 
 
ยารักษาริดสีดวง ทำงานยังไง
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง คือ ยาที่ช่วยเข้าไปสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบการบวมของหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไม่คั่งข้างบริเวณหลอดเลือดดำที่ทวาร จดเกิดอาการบวม
 
ด้วยคุณสมบัติของยาที่พูดมา ทำให้ยาในกลุ่มนี้นอกจากจะบำรุงรักษาริดสีดวงแล้ว ยังสามารถนำมาใช้บำรุงรักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดดำอื่นๆได้ เช่น โรคเส้นเลือดขอดเป็นต้น
 
 
ลักษณะของยาริดสีดวงต่างๆ
 
ยาเหน็บริดสีดวงดูปร็อค (Doproct) หากถามว่าคนที่เคยเป็นริดสีดวงจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็นยาเหน็บ โดยยาเหน็บ Doproct เป็นยาเหน็บที่มีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ มีความนิ่มและยืดหยุ่นพอประมาณ ซึ่งแนะนำให้เก็บสะสมในตู้เย็น และหากอยากได้นำมาใช้ก็อาจจะแช่ในน้ำเพื่อทำให้นุ่มขึ้น จะได้สอดใส่บริเวณทวารหนักได้ง่าย ตัวยาจะเน้นลดการอักเสบ ลดอาการคันและบวมเป็นหลัก
 
ยาทาดูปร็อคชนิดขึ้ผึ้ง (Doproct Oilment) เป็นยาที่ได้รับความนิยมอีกเช่นกัน เพราะการใช้งานนั้นใช้ง่าย โดยเฉพาะบางคนที่ไม่ถนัดใช้ยาเหน็บ ส่วนใหญ่เวลาถามหาครีมหรือยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาดูปร็อคที่เป็นขี้ผึ้งกลับไปใช้ โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ hydrocortisone, zinc oxide และbenzocaine วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาขี้ผึ้งบริเวณรอบทวารหนักเช้าเย็นวันละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการปวดและคันได้พอสมควรเลยทีเดียว
 
ยาริดสีดวงดาฟลอน (Daflon) เวลาไปร้านยาแล้วข้องใจว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้กลับมาเสมอ ต้องยินยอมเลยว่ายาดาฟลอน (Daflon) เป็นยาริดสีดวงที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง และแพทย์นิยมสั่งจ่ายอันดับแรกๆ โดยยาดาฟลอนนั้นใช้ในการรักษาความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งจะมีกลไกไปออกฤทธิ์ช่วยสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ทำให้ริดสีดวงหดตัวและบรรเทาอาการปวดได้ ในการศึกษาวิจัยของประเทศออสเตรียในปี 2547 พบว่ายาดาฟลอน ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นในเวลาไม่นาน
 
ยาเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นยาที่มีมีสารไบโอฟลาโวนอยด์เป็นหลัก ถือเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการรักษาริดสีดวงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะหากไปปรึกษาเภสัชกรว่าจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้มาทานควบคู่กับยาดาฟลอนหรือไดออสมิน ยาเฮสเพอริดินจะทำหน้าที่หลักในการเยียวยาอาการที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชนิดต่างๆ อาทิเช่น ริดสีดวง เส้นเลือดขอด โดยตัวยาจะช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย
 
ยาซีดูออล (Siduol) เป็นยาที่มีสารผสมที่หลากหลาย และยังมี Rutin ซึ่งมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวที่ช่วยลดอาการอักเสบบริเวณที่เป็นแผล รวมถึงช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผลมีการอักเสบ เพราะฉะนั้นเวลาค้นหาข้อมูลว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะพบยานี้เป็นยานำเสนออันดับแรกๆ เช่นเดียวกัน
 
อย่ามัวแต่ถามหาว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี การใช้ยานั้นจะดีขึ้นได้ก็ต้องอาศัยวินัยและการปฏิบัติตัวที่สมควรของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะสิ่งสำคัญที่จะทำให้อาการริดสีดวงดีขึ้นไวที่สุด คือ การดูแลและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเราเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง การดื่มน้ำเยอะๆ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ คาเฟอีน ออกกำลังกายเป็นประจำ และอีกหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าตัวเราเองและความมุ่งมั่นนั้นเป็นตัวแปรหลักในการรักษาร่างกายให้หายจากริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
https://www.montraherbal.com
67
โรคริดสีดวงเป็นโรคที่คนเป็นเยอะมาก บางท่านสามารถทานยาแล้วหายได้โดยไม่ต้องหาหมอ เพราะฉะนั้นจึงเกิดข้อสงสัยว่าควรใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยให้อาการปวดและริดสีดวงหายไปได้เร็วและได้ผลที่สุด ซึ่งในปัจจุบันยาในท้องตลาดนั้นถือว่ามีหลากหลาย และยาแต่ละชนิดก็มีจุดดีข้อดีของตัวเอง ที่สำคัญก่อนซื้อใช้ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเสมอ
 
ริดสีดวง เกิดจากอะไร มีกีลักษณะ
ก่อนจะมากล่าวถึงยาบำรุงรักษาริดสีดวง จะขอเล่าเรื่องราวของโรคริดสีดวงให้ฟังแบบคราวๆก่อน โดยการเกิดริดสีดวงนั้นสามารถเกิดได้ทั้งคนที่ท้องผูก หรือ ท้องเสีย เป็นประจำก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่นั่งทำงานนานๆก็เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
 
โดยโรคนี้เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ที่ขอบรูทวาร ทำให้เกิดการโป่งพองของหลอดเลือดดำออกมาเป็นติ่ง (Polyp) ให้เราเห็นได้ โดยริดสีดวงจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) และ ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids)
 
 
ริดสีดวงภายใน
 
ริดสีดวงกลุ่มนี้จะเกิดขึ้นเหนือทวารหนัก คลำไม่ได้ มองไม่เห็น จะเกิดการบวมมากขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบบ่อยๆครั้ง และตรวจพบด้วยการส่องกล้องเท่านั้นในตอนแรกๆ โดยริดสีดวงภายในจะมีด้วยกัน 4 ระยะ
 
ระยะที่ 1 มีขนาดเล็กไม่ยื่นออกมา จะพบเลือดสดเวลาหลังถ่ายอุจจาระได้
ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงโตขึ้น โผล่ออกมาขณะเบ่งถ่าย และ หดกลับเองหลังถ่ายเสร็จ มีเลือดสดออกบ่อยหลังถ่ายอุจจาระ
ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงขนาดใหญ่ และโผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ ต้องใช้มือดันกลับ และ มักมีอาการระคายเคือง
ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงโตมาก ดันยังไงก็ไม่กลับ อาจมีกลิ่นเหม็นถ้าแตก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด
 
 
ริดสีดวงภายนอก
 
สำหรับริดสีดวงรูปแบบนี้จะเกิดที่ตอนปลาย บริเวณปากทวารหนัก สามารถมองเห็นได้ด้วยตา คลำได้ โดยหลอดเลือดกลุ่มนี้จะถูกปกคลุมด้วยผิวหนัง และปลายประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
 
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง ทำงานอย่างไร
 
ยาบำรุงรักษาริดสีดวง คือ ยาที่ช่วยเข้าไปสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบการบวมของหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไม่คั่งข้างบริเวณหลอดเลือดดำที่ทวาร จดเกิดอาการบวม
 
ด้วยคุณลักษณะของยาที่กล่าวมา ทำให้ยาในกลุ่มนี้นอกจากจะรักษาริดสีดวงแล้ว ยังสามารถนำมาใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดดำอื่นๆได้ เช่น โรคเส้นเลือดขอดเป็นต้น
 
 
รูปแบบของยาริดสีดวงต่างๆ
 
ยาเหน็บริดสีดวงดูปร็อค (Doproct) หากตั้งคำถามว่าคนที่เคยเป็นริดสีดวงจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็นยาเหน็บ โดยยาเหน็บ Doproct เป็นยาเหน็บที่มีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ มีความนิ่มและยืดหยุ่นพอราวๆ ซึ่งแนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็น และหากต้องการนำมาใช้ก็อาจจะแช่ในน้ำเพื่อให้นุ่มขึ้น จะได้สอดใส่บริเวณทวารหนักได้ง่าย ตัวยาจะเน้นลดการอักเสบ ลดอาการคันและบวมเป็นหลัก
 
ยาทาดูปร็อคชนิดขึ้ผึ้ง (Doproct Oilment) เป็นยาที่ได้รับความนิยมชมชอบอีกเช่นกัน เพราะการใช้งานนั้นใช้ง่าย โดยเฉพาะบางท่านที่ไม่ถนัดใช้ยาเหน็บ ส่วนใหญ่เวลาถามหาครีมหรือยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาดูปร็อคที่เป็นขี้ผึ้งกลับไปใช้ โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ hydrocortisone, zinc oxide และbenzocaine วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาขี้ผึ้งบริเวณรอบทวารหนักเช้าเย็นวันละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการปวดและคันได้พอสมควรเลยทีเดียว
 
ยาริดสีดวงดาฟลอน (Daflon) เวลาไปร้านยาแล้วสงสัยว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้กลับมาเสมอ ต้องยอมรับเลยว่ายาดาฟลอน (Daflon) เป็นยาริดสีดวงที่มีประสิทธิผลสูง และแพทย์ชื่นชอบสั่งจ่ายอันดับต้นๆ โดยยาดาฟลอนนั้นใช้ในการบำรุงรักษาความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งจะมีกลไกไปออกฤทธิ์ช่วยสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ทำให้ริดสีดวงหดตัวและบรรเทาอาการปวดได้ ในการเรียนรู้วิจัยของประเทศออสเตรียในปี 2547 พบว่ายาดาฟลอน ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นในเวลาไม่นาน
 
ยาเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นยาที่มีมีสารไบโอฟลาโวนอยด์เป็นหลัก ถือเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการบำรุงรักษาริดสีดวงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะหากไปปรึกษาเภสัชกรว่าจะใช้ยาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะได้ยาตัวนี้มาทานควบคู่กับยาดาฟลอนหรือไดออสมิน ยาเฮสเพอริดินจะทำหน้าที่หลักในการเยียวยาอาการที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชนิดต่างๆ อาทิเช่น ริดสีดวง เส้นเลือดขอด โดยตัวยาจะช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย
 
ยาซีดูออล (Siduol) เป็นยาที่มีสารผสมที่หลากหลาย และยังมี Rutin ซึ่งมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือด นอกจากนั้นยังมีส่วนประกอบอีกหลายตัวที่ช่วยลดอาการอักเสบบริเวณที่เป็นแผล รวมถึงช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้แผลมีการอักเสบ ฉะนั้นเวลาค้นหาข้อมูลว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี ก็มักจะพบยานี้เป็นยานำเสนออันดับแรกๆ เช่นเดียวกัน
 
ห้ามมัวแต่ถามหาว่ายาริดสีดวงยี่ห้อไหนดี การใช้ยานั้นจะดีขึ้นได้ก็ต้องอาศัยวินัยและการปฏิบัติตัวที่สมควรของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะสิ่งจำเป็นที่จะทำให้อาการริดสีดวงดีขึ้นไวที่สุด คือ การดูแลและเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของตัวเราเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง การดื่มน้ำมากๆ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ คาเฟอีน บริหารร่างกายเป็นประจำ และอีกหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าตัวเราเองและความพยายามนั้นเป็นตัวแปรหลักในการบำรุงรักษาร่างกายให้หายจากริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิผลที่สุด
https://www.montraherbal.com
68
CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดอันดับ Google
 
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายท่านคุ้นเคยหรือรู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเว็บของตัวเองหรือรับทำเว็บไซต์ก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ยอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บไซต์มากชนิดที่พูดได้ว่า ถ้าเว็บไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้
 
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ (ทั้งหมด) ให้มีความเหมาะสมในการติดอันดับการทำการค้นหาของเครื่องมือทำการค้นหายอดฮิตอย่าง Google แต่การที่จะทำให้เว็บของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ในหน้าการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น จำเป็นที่่จะต้องการพัฒนาเว็บในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (เนื้อหา), ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ หรือแม้แต่โครงการของเว็บ ก็มีผลด้วยเช่นกัน
 
ก่อนอื่นลองจินตนาการตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า “ที่พักเชียงใหม่” ซึ่งเป็น Keyword ในการทำการค้นหา ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บ ที่มีความสัมพันธ์กับ Keyword ที่ใช้ค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการค้นหาลำดับแรกๆ ให้กับผู้ที่ทำการค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บไซต์ของเรามีจำนวนคนเข้าชมเว็บเพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง
 
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าบริการ seo[url] สามารถช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราให้มากขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไร ความน่าจะเป็นที่เราจะจำหน่ายของก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของความจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านขายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิต ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าออนไลน์ของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากสักแค่ไหน และโอกาสที่เราจะขายสินค้าได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บไซต์ของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง “ทำเลทอง” เพราะจะมีผู้เยี่ยมชมคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของเรามากมาย และความน่าจะเป็นที่จะเปลี่ยนให้ผู้เข้าชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย
 
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บไซต์ในยุคปัจจุบัน เป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องการสร้างธุรกิจร้านค้าบนเว็บด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา
 
 
ในครั้งหนึ่งร้านค้า บริษัท หรือองค์กร มีเว็บเพื่อสร้างความน่าไว้วางใจเท่านั้น โดยไม่ได้คิดถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บอย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บ แต่ในปัจจุบันนี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้า บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เห็นคุณค่าถึงความสำคัญของการทำเว็บเพื่อเปิดวิถีทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ยุคปัจจุบันมีเว็บเกิดขึ้นมากมาย การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องพึ่ง Google Search เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บไซต์
 
Search Engine คือ แอฟที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการทำการค้นหา จากนั้น Google Search จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บไซต์หลายๆ เว็บ ที่มีความสัมพันธ์กับ Keyword นั้น นั่นก็หมายความว่า เว็บไซต์ที่แสดงผลในอันดับแรกๆ ของ Google Search ที่มียูสเซอร์มากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บนั้นเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อมีคนเข้าชมเว็บเป็นจำนวนไม่น้อย จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมาเยอะแยะ เช่น การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ การจำหน่ายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บไซต์ แต่เว็บไซต์ของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Search Engine แล้วล่ะก็ เว็บไซต์ของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บไซต์ร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมอยากได้ให้เว็บของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับต้นๆของ Search Engine จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือปรับปรุงเว็บให้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ของการทำการค้นหาใน Google Search ใน Keyword ที่สมควรและตรงตามเป้าหมายของเว็บ เพื่อทำให้อยู่ในระดับสายตา และสามารถดึงดูดความสนอกสนใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
 
 
 
SEO คืออะไร? ดันเว็บไซต์ติดอันดับ Google ไม่ยากอย่างที่คิด
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ลักษณะหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาต่าง ๆ ให้พึงพอใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Search Engine (Google Search อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น)
 
เพื่อทำให้หน้าเว็บธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บไซต์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกเยอะแยะที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่สนใจการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง
 
ซึ่งบางท่านอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางท่านก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่รับรองว่าหากคุณได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดจัดจำหน่ายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และสิ่งจำเป็นที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะจุดหมายปลายทางของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บไซต์ฝ่ายตรงข้ามของเราจะเข้ามาแทนที่
 
แล้ว SEO ที่เราพูดถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีวิธีการการทำงานยังไงบ้าง หากท่านอยากรู้ ทีม CSLSEO จะมาคุยให้ฟัง
 
 
ทำความเข้าใจ Search Engine เหตุผลที่หลายธุรกิจต้องการทำ SEO
 
เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เรามีความจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Search Engine มีการปฏิบัติงานยังไง ซึ่งเป็นคล้ายหัวใจหลักของกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้
 
หน้าที่หลักของ Google Search อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลบนโลกอินเทอร์เน็ตมาจัดเรียงลำดับความสอดคล้อง เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพึงพอใจต่อการทำการค้นหามากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Search Engine นั้นมีจุดหมายปลายทางเพื่ออยากได้หาผลลัพธ์ให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการทำการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความเร็วของผลการค้นหา, ความสอดคล้องของบทความ, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อตอบสนองต่อความประสงค์ของยูสเซอร์
 
แล้ว Google Search ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงอันดับเว็บ? เราสามารถแบ่งการดำเนินงานของ Google Search ได้เป็น 3 วิธีการด้วยกัน คือ
 
1. Crawling (การเก็บข้อมูล): กระบวนการการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บ, URLs, หัวข้อ, บทความ, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บ เมื่อสแกนเว็บไซต์หนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะทำการค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บไซต์ที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บอื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บไซต์นั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Google Search สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว
 
2. Index ing (ทำดัชนี): หลังจากทำการสแกนข้อมูลเว็บจนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ อินเด็กซ์ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ อินเด็กซ์ เหมือนห้องสมุดที่รวมเว็บไซต์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บที่อยากได้แสดงอยู่บนผลการค้นหา มีความจำเป็นจะต้องผ่านระบบการ Index ing ของ Google Search เสียก่อน
 
3. Ranking (ทำการค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Search Engine จะทำการหาข้อมูลเว็บไซต์ที่มีความสัมพันธ์มากที่สุด จากคลัง Index แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าเชื่อถือและ อื่นๆ
 
 
ความสามารถ SEO ขั้นพื้นฐาน
เริ่มสร้างเว็บขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 แนวทาง
 
1. ค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
 
เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บไซต์ และผู้ค้นหา เราจำเป็นจะต้องมี “Keyword” (คีย์เวิร์ด) เป็นคล้าย GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการทำการค้นหาของเราเสมอ
 
ตัวอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า “SEO คืออะไร” ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดงเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์ และเว็บที่มีโอกาสจะตอบสนองความต้องการของเรามากที่สุด เว็บไซต์ชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในเนื้อหา และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่าคอนเทนต์ของเรามีความสัมพันธ์กับสิ่งที่คนกำลังค้นหา
 
ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เปรียบเสมือนความอยากของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำเนื้อหาหรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บไซต์ของเราตอบสนองความอยาก โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากอยากสร้างให้เว็บติดอันดับหน้าแรกของ Google การทำการค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
 
การค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเจอเว็บของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic
 
 
2. ปรับโครงสร้างเว็บ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งผู้ใช้งานและ Google Search
 
ต่อมาเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บไซต์เราได้แล้ว เราต้องเชื่อมั่นว่าเว็บของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะส่งเสริมให้ผู้ค้นหาสนใจ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นระยะเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บไซต์เป็นระยะเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจัดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดขาย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บเรา
 
ทั้งนี้การดีไซน์โครงสร้าง SEO เว็บไซต์ที่ดีจะส่งเสริมให้ Google Search Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ อินเด็กซ์ ข้อมูลบนเว็บได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บจะเป็นคล้ายผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Google Search และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่อยากได้ได้อย่างสะดวก ส่งผลทำให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์สำหรับใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มขึ้น (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอยู่เว็บไซต์เรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking)
 
หนึ่งตัวอย่างของการสร้างเว็บไซต์ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของคอนเทนต์ต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการทำการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บนี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การทำการค้นหาคอนเทนต์ที่ต้องการสำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิผลการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับบทความด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูคล้ายจงใจมากเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
นอกจากนี้ การสร้างเว็บที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความเร็วของเว็บ, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่เราควรคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องการทำ SEO เว็บนั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของยูสเซอร์ (User Experience)
 
 
3.  On-Page Optimization
 
การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO ในหน้าเว็บเพจของเรา เพื่อเชื่อมั่นว่าหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือคู่แข่งในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพ Content และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับบทความเว็บให้มีประสิทธิภาพต่อ SEO อย่างสูงสุด
 
เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการแทรกสอด Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
- Title Tag: หัวข้อ Content ที่เราอยากได้ให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะส่งเสริมให้เกิดจำนวนคลิกเข้าเว็บมากที่สุด
 
- Meta Description: คำบรรยายสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำบรรยายเพิ่มมากขึ้นจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บไซต์เขาจะเจอเนื้อหาแบบไหน Meta Description ควรเป็นเนื้อหากล่าวถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บของเรามากกว่าเว็บคู่แข่ง
 
- Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าโฮมเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของ Content เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการงงงวยของยูสเซอร์และ Google Search Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามลำดับ
 
- Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถแทรกสอดเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นการทำการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยข้องใจไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความสอดคล้องกับสิ่งที่เราค้นหา ผลลัพธ์ก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง
 
- URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บให้มีความสัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดได้จากการสอดแทรก Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก
 
 
4. Off-Page Optimization
 
ในทางกลับกัน Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO นอกเว็บ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บอื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือพูดถึงเรา เปรียบเสมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าพอใจผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และนำเสนอให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในกฎเดียวกัน ยิ่งมีเว็บไซต์ข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บของเรามากเท่าไหร่ ความน่าไว้วางใจที่ Google มีต่อเว็บไซต์ของเราจะมากขึ้นเท่านั้น
 
ปัจจัยหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง
 
การทำ Backlink ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการเขียน Content ที่เป็นประโยชน์สำหรับยูสเซอร์มากจนเป็นที่พูดถึง และผู้ใช้งานจะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะทำให้เนื้อหาของเราถูกบอกต่อในโลกที่มีคอนเทนต์อย่างมหาศาลในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง
 
เพราะฉะนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียนเนื้อหาลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีบทความสอดคล้องกับเว็บของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะสนิทสนมกันดีคือ หนทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์เนื้อหาของเราผ่านวิถีทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี
[url=https://cslseo.com]https://cslseo.com[url]
69
 tao2)CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก Google
 
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายคนคุ้นเคยหรือรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเว็บไซต์ของตัวเองหรือรับทำเว็บไซต์ก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ยอดจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บไซต์มากชนิดที่พูดได้ว่า ถ้าเว็บไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้
 
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การพัฒนาเว็บ (ทั้งหมด) ให้มีความพอเหมาะพอดีในการติดอันดับการทำการค้นหาของเครื่องมือค้นหายอดฮิตอย่าง Google แต่การที่จะทำให้เว็บของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ในหน้าการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น จำเป็นที่่จะต้องการปรับปรุงเว็บไซต์ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (บทความ), ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บ หรือแม้แต่โครงการของเว็บไซต์ ก็มีผลด้วยเช่นกัน
 
ก่อนอื่นลองคิดตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า “ที่พักเชียงใหม่” ซึ่งเป็น Keyword ในการค้นหา คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บไซต์ ที่มีความสอดคล้องกับ Keyword ที่ใช้ค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการทำการค้นหาลำดับแรกๆ ให้กับผู้ที่ทำการค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บของเรามีปริมาณคนเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง
 
อย่างที่ได้กล่าวไปรับ SEO สามารถช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บของเราให้มากขึ้นได้ ฉะนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไร ความน่าจะเป็นที่เราจะขายของก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของข้อเท็จจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านจำหน่ายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิต ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าออนไลน์ของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากแค่ไหน และความน่าจะเป็นที่เราจะจำหน่ายสินค้าได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บไซต์ของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง “ทำเลทอง” เพราะจะมีผู้เข้าชมคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของเราเยอะแยะ และความน่าจะเป็นที่จะเปลี่ยนให้ผู้เยี่ยมชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย
 
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บในสมัยนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องการสร้างธุรกิจร้านค้าออนไลน์บนเว็บด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา
 
 
ในครั้งหนึ่งร้านค้า บริษัท หรือหน่วยงาน มีเว็บเพื่อสร้างความน่าไว้วางใจเท่านั้น โดยไม่ได้นึกถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บอย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บ แต่ในยุคนี้นี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้า บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เห็นคุณค่าถึงความสำคัญของการทำเว็บเพื่อเปิดหนทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมากมาย การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บ
 
Search Engine คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการทำการค้นหา จากนั้น Search Engine จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บหลายๆ เว็บไซต์ ที่มีความสอดคล้องกับ Keyword นั้น นั่นก็มีความหมายว่า เว็บที่แสดงผลในอันดับต้นๆ ของ Google Search ที่มียูสเซอร์มากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์นั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อมีคนเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนไม่น้อย จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมาเยอะแยะ เช่น การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ การจำหน่ายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บ แต่เว็บของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Google Search แล้วล่ะก็ เว็บของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บไซต์ร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับแรกๆของ Search Engine จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือพัฒนาเว็บให้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ของการค้นหาใน Search Engine ใน Keyword ที่สมควรและตรงตามจุดมุ่งหมายของเว็บ เพื่อให้อยู่ในระดับมุมมอง และสามารถดึงดูดความใส่ใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
 
 
 
SEO คืออะไร? ดันเว็บติดอันดับกูเกิล ไม่ยากอย่างที่คิด
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้พึงพอใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Google Search (Search Engine อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น)
 
เพื่อทำให้หน้าเว็บธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลทำให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บโดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกเยอะแยะที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่สนใจการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง
 
ซึ่งบางคนอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางท่านก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่รับรองว่าหากท่านได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดขายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และปัจจัยสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะเป้าหมายของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการบำรุงรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บไซต์คู่แข่งของเราจะเข้ามาแทนที่
 
แล้ว SEO ที่เราพูดถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีวิธีการการดำเนินงานยังไงบ้าง หากท่านอยากรู้ ทีม CSLSEO จะมาคุยให้ฟัง
 
 
ทำความเข้าใจ Google Search เหตุผลที่หลายธุรกิจต้องการทำ SEO
 
เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Google Search มีการดำเนินงานยังไง ซึ่งเป็นเหมือนปัจจัยหลักของกลยุทธ์การตลาดในครั้งนี้
 
หน้าที่หลักของ Google Search อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลบนโลกอินเทอร์เน็ตมาจัดเรียงลำดับความสัมพันธ์ เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพึงพอใจต่อการค้นหามากที่สุด ส่วนมากแล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Google Search นั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการหาผลลัพธ์ให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการทำการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความรวดเร็วของผลการค้นหา, ความเกี่ยวข้องของเนื้อหา, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าไว้วางใจ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาของผู้ใช้งาน
 
แล้ว Google Search ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงลำดับเว็บไซต์? เราสามารถแบ่งการดำเนินงานของ Google Search ได้เป็น 3 กระบวนการด้วยกัน คือ
 
1. Crawling (การเก็บข้อมูล): กระบวนการการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บ, URLs, หัวข้อ, บทความ, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บไซต์ เมื่อสแกนเว็บหนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บไซต์ที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บนั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Search Engine สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
 
2. Index ing (ทำดัชนี): หลังจากทำการสแกนข้อมูลเว็บจนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ อินเด็กซ์ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ Index เหมือนห้องสมุดที่รวมเว็บทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บไซต์ที่ต้องการแสดงอยู่บนผลการค้นหา จำเป็นจะต้องผ่านระบบการ Index ing ของ Search Engine เสียก่อน
 
3. Ranking (ทำการค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Google Search จะทำการหาข้อมูลเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด จากคลัง Index แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าเชื่อถือและ อื่นๆ
 
 
ความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ SEO ขั้นพื้นฐาน
เริ่มสร้างเว็บขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 กระบวนการ
 
1. ค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
 
เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บไซต์ และผู้ค้นหา เรามีความจำเป็นจะต้องมี “Keyword” (คีย์เวิร์ด) เป็นคล้าย GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการทำการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการทำการค้นหาของเราเสมอ
 
ตัวอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า “SEO คืออะไร” ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดงเนื้อหาที่มีความสอดคล้อง และเว็บที่มีโอกาสจะตอบสนองความอยากของเรามากที่สุด เว็บชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในบทความ และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาของเรามีความสอดคล้องกับสิ่งที่คนกำลังทำการค้นหา
 
ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เปรียบเสมือนความปรารถนาของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำคอนเทนต์หรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บของเราตอบสนองความต้องการ โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากอยากสร้างให้เว็บติดอันดับหน้าแรกของ Google การทำการค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
 
การค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อให้ยูสเซอร์สามารถเจอเว็บของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic
 
 
2. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งยูสเซอร์และ Google Search
 
ภายหลังเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บไซต์เราได้แล้ว เราต้องมั่นใจว่าเว็บของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะทำให้ผู้ค้นหาสนใจ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บไซต์เป็นเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจัดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดขาย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บไซต์เรา
 
ทั้งนี้การดีไซน์โครงสร้าง SEO เว็บที่ดีจะส่งเสริมให้ Search Engine Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ อินเด็กซ์ ข้อมูลบนเว็บได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บจะเป็นคล้ายผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Google Search และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่ต้องการได้อย่างสะดวก ส่งผลให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์สำหรับใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มมากขึ้น (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอยู่เว็บเรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking)
 
หนึ่งแบบอย่างของการสร้างเว็บ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของเนื้อหาต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บนี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การค้นหาคอนเทนต์ที่อยากได้สำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นมีความจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูคล้ายจงใจมากเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
นอกจากนั้น การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความเร็วของเว็บ, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่เราควรคำนึงถึงอยู่สม่ำเสมอเมื่ออยากได้ทำ SEO เว็บไซต์นั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของยูสเซอร์ (User Experience)
 
 
3.  On-Page Optimization
 
การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO ในหน้าโฮมเพจของเรา เพื่อมั่นใจว่าหน้าเว็บนั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือคู่แข่งในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพคอนเทนต์ และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับบทความเว็บให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อ SEO อย่างสูงสุด
 
เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการสอด Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
- Title Tag: หัวข้อเนื้อหาที่เราอยากได้ให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะทำให้เกิดปริมาณคลิกเข้าเว็บไซต์มากที่สุด
 
- Meta Description: คำบรรยายสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำชี้แจงเพิ่มจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บไซต์เขาจะเจอคอนเทนต์แบบไหน Meta Description ควรเป็นเนื้อหากล่าวถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บไซต์ของเรามากกว่าเว็บคู่แข่ง
 
- Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าโฮมเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของคอนเทนต์ เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการไม่แน่ใจของผู้ใช้งานและ Google Search Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามคิว
 
- Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถสอดแทรกเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยข้องใจไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่เราทำการค้นหา คำตอบก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง
 
- URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บให้มีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาได้จากการแทรกสอด Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก
 
 
4. Off-Page Optimization
 
ในทางตรงกันข้าม Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล SEO นอกเว็บ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บอื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือพูดถึงเรา เหมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าถูกใจสินค้าของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และนำเสนอให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในหลักการเดียวกัน ยิ่งมีเว็บข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บของเรามากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือที่ Google มีต่อเว็บไซต์ของเราจะมากขึ้นเท่านั้น
 
ปัจจัยหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง
 
การทำ Backlink ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดคือการเขียน Content ที่เป็นประโยชน์สำหรับยูสเซอร์มากจนเป็นที่กล่าวถึง และผู้ใช้งานจะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะทำให้เนื้อหาของเราถูกบอกต่อในโลกที่มีคอนเทนต์อย่างมหาศาลในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง
 
ดังนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียนคอนเทนต์ลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีบทความเกี่ยวข้องกับเว็บของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะคุ้นเคยกันดีคือ แนวทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์คอนเทนต์ของเราผ่านวิถีทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี
https://cslseo.com
Pages: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10