Author Topic: การเลือกลู่วิ่ง ( Treadmill )  (Read 6260 times)

mr_a

  • Guest
การเลือกลู่วิ่ง ( Treadmill )
« on: September 07, 2010, 08:52:25 AM »
         ถ้าถามว่าผมว่า หากจะให้เลือกวิ่งตามสวนสาธารณะ กับวิ่งบนลู่วิ่ง ตามฟิตเนส จะเลือกแบบไหน ผมคงตอบทันทีว่า เลือกวิ่งตามสวนดีกว่า เพราะอากาศก็ดี วิวก็สวย แต่บางครั้งบางที ความจำเป็นก็บังคับให้เราวิ่งตามที่โล่งไม่ได้ ทางเลือกที่สองคือ การวิ่งบนลู่วิ่งก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีกว่าไม่ได้วิ่ง จริงไหมครับ

         อันที่จริงการสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนส มันก็ดีในแง่ที่ว่า เครื่องเล่นมีความหลากหลาย มีคอร์สออกกำลังกายมากมาย แต่เท่าที่ได้ยินเสียงบ่นที่ว่า ฟิตเนสรับสมาชิกมาก จนต้องมาต่อคิว เล่นเครื่องเล่น หรือเล่นไปจะมีพวกพนักงานมาคุยเป็นเพื่อน แต่เรื่องที่คุย จ้องแต่จะแสวงหา ค่าคอมมิชชั่น เพิ่มให้แก่ตนเอง ไม่สนใจว่าลูกค้าจะรำคาญขนาดไหน เจออย่างนี้ ไปไม่กี่ครั้งก็เบื่อแล้วครับ เสียดายตังค์ ผมมีทางเลือกที่ดีกว่า คือการแปลงบ้านให้เป็นฟิตเนส มาคราวนี้ จะเล่าเรื่องวิธีการเลือกซื้อลู่วิ่ง หรือ Treadmill เป็นประเดิม ราคาไม่ใช่ถูกๆ ก็ต้องเลือกซื้อให้มันคุ้มค่ากับเงินที่ลงไปหน่อย 

อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ ลู่วิ่งสักเครื่อง

ขนาด และน้ำหนัก 
      ไปดูลู่วิ่งได้มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป พวกเล็กๆก็ราคาถูกหน่อย ประมาณ 10,000-20,000 บาท ก็พอจะ ซื้อหาได้ แต่หากพวกที่มีขนาดใหญ่ ก็ เป็นแสนเลยก็มี ควรเลือกดูลู่วิ่งที่มีความกว้างของลู่ที่ใหญ่ และยาวเพียงพอ กับร่างกายของเรา ไม่ใช่ซื้อพวกที่ลู่วิ่งแคบๆ เพียงแต่มองว่าราคามันถูก เพราะเดียวคุณจะเบื่อ เพราะ เพลินๆ หน่อยอาจจะตกจากลู่วิ่งได้ ให้ลองขึ้นไปวิ่งดู แล้วดูสิว่าถนัดไหม วิ่งเป็นชั่วโมงๆจะยังสบายอยู่หรือเปล่า 

กำลังของเครื่อง 
      ให้เลือกซื้อ ลู่วิ่งที่มีกำลังแรงม้าระหว่าง 1.5 - 2.0 เท่านั้น พวกที่ใช้มอเตอร์ที่เบากว่านี้ ต้องอาศัยแรงขาของเรา ขับเคลื่อนไปก่อน ในช่วงแรกๆ มันก็ไม่มันส์อะสิครับ 

ความเร็วสูงสุด 
      จะว่าสำคัญก็กระไรอยู่ เพราะอย่างพวกเรานักจ๊อกกิ้งธรรมดา คงไม่วิ่งกันบ้าเลือด ถึงระดับความเร็ว สูงสุดของเครื่องเป็นแน่ และที่จริง การวิ่ง เพื่อสุขภาพก็ไม่ควรวิ่งเร็วแต่ประการใด เราเน้น ช้า และ นาน ต่อเนื่อง เป็นหลัก แต่หากใครเป็นนักวิ่งระดับพระกาฬ เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะหาก ความเร็วสูงสุด น้อยไปหน่อย มันอาจจะลำบากในการฝึกที่เรียกว่า Interval training เพื่อความแข็งแกร่งทนทาน และเพิ่มความเร็ว
มากยิ่งขึ้น 

ความสามารถในการปรับความชัน 
      ลู่วิ่งบางเครื่องสามารถปรับความชันได้ถึง 10%-11% และบางทีเรา ไม่ควรลดระดับความชันนี้ หากเราต้องการ ที่จะฝึกวิ่ง แบบขึ้นเขา ลู่วิ่งบางเครื่อง ก็ล่อความชันเข้าตั้ง 25% แต่นั้นมันก็มาก ไปหน่อย เกินความจำเป็น 

ความราบรื่นไม่สะดุด 
      เมื่อเราปรับความเร็วของลู่วิ่ง ก็ควรจะทำได้ราบรื่นขณะวิ่ง ถึงขนาด สามารถใช้สโลแกนของ การบินไทยที่ว่า smooth as silkได้เลย แต่ก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วก็แล้วกัน ไม่ใช่ปรับความเร็วกันพรวดพราด 

option ต่างๆ 
      อันนี้ต้องดูให้ดี เพราะลู่วิ่งบางเครื่องนี้มีโปรแกรมต่างๆ ให้เราเลือก มากมาย มีทั้งแบบวิ่งที่ราบ ขึ้นเขา วิ่งแบบ interval วิ่งแบบเพื่อลดน้ำหนัก และอีกสาระพัดรูปแบบ บางที ก็สามารถโปรแกรมได้ทั้งความชัน เวลา รวมทั้งบันทึกประวัติการออกกำลังกาย ของคุณได้ด้วย แต่อย่าิลืมว่ายิ่งมี option มากเท่าไรก็ แพงมากขึ้นเท่านั้น ลองดูว่า option มากมายเหล่านั้นมัน จำเป็นสำหรับคุณจริงหรือเปล่า

อ้อ มีข้อแนะนำนิดหน่อย ไอ้เครื่องวัดแคลอรีบนลู่วิ่ง จะถือเป็นจริงเป็นจังตามนั้น คงไม่ได้ เพราะผมเองเคยลองวิ่งบนลู่วิ่ง หลายๆเครื่อง รู้ได้เลยว่าไม่เห็นจะตรง กันสักเครื่อง ให้ยึดเอาเวลาเป็นหลักจะดีกว่า อ้อ ควรวัด อัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งลู่วิ่ง แทบทุกเครื่องเดี่ยวนี้ต้องมีเครื่องวัด ก็พยายามอย่าให้เหนื่อยขนาดที่อัตราการ เต้นของหัวใจเกินอัตราเป้าหมาย 

มีข้อควรจำฝากไว้อีกอย่าง ลู่วิ่งนี้ถือเป็นเครื่องออกกำลังกายที่แพงที่สุดก็ว่าได้ กรุณาใช้มันให้คุ้มหน่อย เมื่อซื้อมาเราซื้อมาวิ่ง ไม่ได้ซื้อมา เพื่อเป็นราวตากผ้าราคา แพงนะจ๊ะ

ที่มา สยามฟิตเนส