ที่มา
www.savekohsurin.comขอบคุณเจ้าของบทความด้วยค่ะ
1.2. หน้ากากดำน้ำ (Mask or B)
หน้ากากดำน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เรามองเห็นวัตถุใต้น้ำได้อย่างชัดเจน แต่เนื่องจากมีช่องว่างของอากาศระหว่างตาของนักดำน้ำกับน้ำ ทำให้การมองเห็นมีความคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง คือ วัตถุใหญ่ขึ้น และใกล้กว่าความเป็นจริงประมาณ 33 % อันเนื่องมาจากการหักเหของแสงที่เดินทางผ่านน้ำ และอากาศก่อนเข้าสู่สายตา นอกจากนี้ หน้ากากยังช่วยป้องกันไม่ให้น้ำทำความระคายเคืองต่อตาและจมูกอีกด้วย
ชนิดของหน้ากากดำน้ำ มีการแบ่งหน้ากากดำน้ำเป็น 2 ประเภท คือ
- ชนิดมีวาล์ว ช่วยในการขับน้ำออกจากหน้ากาก แต่จะกันไม่ให้น้ำไหลย้อนเข้าหน้ากาก ข้อเสียของหน้ากากชนิดนี้ คือ เมื่อมีวัตถุเล็กๆ เช่นทรายเข้าไปอุดอยู่ จะทำให้น้ำซึมเข้าหน้ากากตลอดเวลา
- ชนิดไม่มีวาล์ว เป็นแบบที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วๆ ไป แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
o แบบเลนส์เดี่ยว (Single lent) เป็นแบบปกติที่ใช้กันทั่วไป เหมาะกับผู้ที่ไม่มีปัญหาทางด้านสายตา
o แบบเลนส์คู่ (Two lent) เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา เช่น สายตาสั้น ยาว โดยที่กระจกเลนส์ สามารถเปลี่ยนให้เหมาะกับสภาพของสายตาได้
การเลือกซื้อหน้ากากดำน้ำ มีข้อควรสังเกต ต่างๆ คือ
- วัสดุที่ใช้ผลิตหน้ากากจะต้องทำจากวัสดุที่ไม่เป็นสนิม ตัวกระบัง (Skirt) ทำจากซิลิโคนซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้กับผิวหนังของผู้ใช้ ยกเว้นักดำน้ำบางคนที่จะมีอาการแพ้ซิลิโคน ซึ่งควรที่จะพิจารณาหน้ากากดำน้ำที่ทำจากวัสดุชนิดอื่นๆ แทน
- กระจก ต้องเป็นกระจกนิรภัย ที่กระจกมีคำว่า “TEMPERED” หรือ “SAFETY GLASS” ติดอยู่ โดยกระจกชนิดนี้มีคุณสมบัติ คือ ไม่มีรอยคมในกรณีที่เกิดการแตกออกมา และทนทานกว่ากระจกธรรมดาถึง 6 เท่า
- ปริมาตรภายในหน้ากากน้อย หน้ากากที่ใหญ่กว่า แต่ปริมาตรภายในน้อยกว่า จะเป็นหน้ากากที่เหมาะสมในการใช้งานมากกว่า การที่ปริมาตรภายในน้อยจะทำให้การเอาน้ำออกจากหน้ากากขณะที่อยู่ใต้น้ำได้ง่ายขึ้น
- มีทัศนะวิสัยที่กว้าง เพื่อช่วยให้การมองเห็นได้มากขึ้น หน้ากากลักษณะนี้ เมื่อใส่เข้ากับใบหน้า กระจกเลนส์จะอยู่ใกล้กับใบหน้ามากกว่าหน้ากากที่มีมุมมองแคบกว่า นอกจากนี้หน้ากากบางชนิดยังมีช่องมองด้านข้าง (Side View) ทั้งสองข้าง และด้านล่าง เพื่อเพิ่มมุมมองที่กว้างขึ้น
- มีที่ครอบจมูก (Nose Pocket) เพื่อใช้ในการปรับความกดดันในหู และปรับความกดดันภายในหน้ากาก หน้ากากบางรุ่นจะมีที่ครอบปิดจมูกอยู่ด้านข้างกระบัง (Skirt) เรียกว่า Finger Pocket
- ขอบยางที่แนบกับในหน้า จะต้องมี 2 ชั้น เพื่อช่วยให้หน้ากากกระชับพอดี ป้องกันการรั่วซึมของน้ำ ขอบนี้กว้างประมาณ 1/4; นิ้ว ตามแนวของขอบกระบังหน้ากาก
- สายรัดศีรษะจะต้องปรับได้สะดวก เพื่อให้เหมาะสมกับกับผู้ใช้แต่ละคน และจะต้องเป็นแผ่นกว้าง หรือแยกเป็นสองสายด้านหลัง เพื่อสามารถยึดหน้ากากให้กระชับกับศีรษะ
- นักดำน้ำที่มีปัญหาเรื่องสายตา ในปัจจุบันมีหน้ากากหลายยี่ห้อที่ออกแบบมาสำหรับเปลี่ยนกระจกให้เป็นเลนส์สายตา หน้ากากนี้จะเป็นแบบกระจกคู่ และเป็นรุ่นที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์สายตาได้เท่านั้น
การเลือกซื้อหน้ากากดำน้ำนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องคำนึงถึง คือ หน้ากากที่พอดีกับใบหน้า ใส่สบาย ไม่บีบ หรือรัดจนเกินไป ซึ้งจะทำให้อึดอัด โดยมีวิธีทดสอบว่าหน้ากากเหมาะสมกับในหน้าของนักดำน้ำหรือไม่ โดยการ ทาบหน้ากากให้เข้ากับในหน้า โดยไม่ต้องใช้สายรัดศีรษะ จากนั้นค้อมศีรษะลงเล็กน้อย หายใจเข้าทางจมูกในระดับปานกลาง จากนั้นค่อยๆ ปล่อยมือจากหน้ากากดำน้ำ ถ้าหน้ากากพอดีกับใบหน้าของนักดำน้ำ หน้ากากจะยังคงอยู่ในตำแหน่งที่นั้นนานเท่าที่นักดำน้ำจะสูดหายใจเข้าอยู่ แต่ถ้าต้องหายใจแรงขึ้น หรือใช้มือกดให้หน้ากากติดกับใบหน้าในขณะที่หายใจเข้าไปด้วย แสดงว่าหน้ากากนั้นใหญ่เกินไป ไม่พอดีกับใบหน้า ควรที่จะทดลองใส่หน้ากากหลายๆ อันจนกว่าจะได้หน้ากากอันที่เหมาะสมที่สุด
การจัดการก่อนการใช้งาน สำหรับหน้ากากที่ได้ซื้อมาใหม่นั้น ก่อนจะมีการนำไปใช้งานจะต้องมีการปรับสายรัดศีรษะให้ได้ขนาดที่พอดี คือแนบกับศีรษะ และไม่ควรรัดจนเกินไป นอกจากนี้ หน้ากากใหม่ใหม่ๆ ยังมีการเคลือบน้ำมัน หรือน้ำยาเคลือบเอาไว้บางๆ ที่กระจกนักดำน้ำจะต้องทำการเช็ดน้ำยา หรือกำจัดน้ำยาเหล่านี้ออกให้หมดเสียก่อน โดยการล้างด้วยน้ำสบู่ ทั้งด้านใน และด้านนอก และห้ามใช้แปรงเพราะจะทำให้กระจกเป็นรอย หรืออาจจะใช้ยาสีฟันที่มีลักษณะเป็นครีมสีขาว ทาทั้งด้านใน และด้านนอก จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว จึงใช้เล็บของนักดำน้ำค่อยๆ ขูดยาสีฟันที่แห้งนั้นออกจากกระจกทั้ง 2 ด้าน จากนั้นใช้น้ำสบู่ล้างอีกครั้งหนึ่ง ก่อนการที่จะนำไปใช้จะต้องมีการเคลือบด้วยน้ำยากันฝ้า หรือน้ำลายในขณะที่กระจกนั้นแห้งอยู่ ก่อนที่จะนำไปใช้ในการดำน้ำ
สำหรับแว่นตาว่ายน้ำ (Goggle) จะนำมาใช้แทนหน้ากากดำน้ำไม่ได้ เพราะไม่สามารถที่จะปรับความกดดันภายใน และภายนอกให้เท่ากันในขณะที่ดำน้ำลงไปลึกไม่ได้
1.3. ท่อหายใจ (SNORKEL or C)
นักดำน้ำสามารถลอยตัวอยู่บนผิวน้ำในขณะที่ก้มหน้าลงกับน้ำโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถทำได้โดยใช้ท่อหายใจ (Snorkel) ซึ่งจะช่วยให้นักดำน้ำหายใจได้โดยไม่ต้องยกศีรษะขึ้นมาหายใจ เป็นวิธีที่จะประหยัดพลังงาน และอากาศในในถังดำน้ำขณะที่อยู่ที่ผิวน้ำ
ท่อหายใจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ชนิดมีวาล์ว (Purge Valve) ช่วยในการไล่น้ำที่ตกค้างอยู่ในท่อได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มีแรงเป่าน้ำออกจากท่อไม่แรงพอ
-ชนิดไม่มีวาล์ว (Non - Purge Valve) เป็นท่อหายใจที่ใช้กันอยู่ทั่วไป โดยมีลักษณะต่างๆ กัน คือ
o แบบตัว J (Simple “J”) มีรูปร่างเหมือนตัวอักษร “J” ในภาษาอังกฤษ
o แบบ Contour ลักษณะเหมือนตัว J แต่มีส่วนปลายท่อโค้งเข้าด้านใน
o แบบ Flex hose ส่วนล่างของตัวท่อมีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอได้ตามต้องการ
คุณสมบัติของท่อหายใจที่ควรนำมาพิจารณา คือ
- ขนาดความยาวของท่อไม่เกิน 12 -14 นิ้ว (30 – 40 ซม.)
- ท่อควรมีขนาดใหญ่ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เส้นผ่านศูนย์กลางไม่ควรเล็กกว่า 3/4; นิ้ว (2 ซม.)
- ท่อหายใจชนิดมีลูกปิงปองปิดปลายท่อไม่ควรนำมาใช้
- ท่อหายใจที่ดีจะต้องมีส่วนที่โค้งงอเล็กน้อย
- ที่คาบ (Mouth piece) จะต้องไม่แข็งจนเกินไป
- วัสดุที่ใช้ผลิต ในปัจจุบันใช้ซิลิโคนเป็นส่วนใหญ่
- มียาง หรือห่วงพลาสติกสำหรับยึด
- เมื่อคาบท่อหายใจนั้นแล้วรู้สึกสบาย ไม่รั้งปาก และหายใจสะดวก
- น้ำหนักเบา
การจัดการก่อนการใช้งาน
- ติดท่อหายใจทางด้านซ้ายของหน้ากาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสับสนกับเรกกูเลเตอร์ ซึ่งอยู่ทางด้านขวา โดยคล้องยาง หรือตัวยึดพลาสติกเข้ากับสายรัดของหน้ากาก
- จากนั้นสวมหน้ากากแล้วปรับให้ตัวท่ออยู่ด้านหน้าของหูด้านซ้าย ปลายที่คาบจะอยู่ระดับเดียวกับปาก
- เมื่อนักดำน้ำคาบที่คาบ ให้ใช้ฟันขบตุ่มที่ติดอยู่กับที่คาบ (Mouth piece) เพื่อป้องกันไม่ให้ท่อหายใจหลุดออกจากปาก
การบำรุงรักษาอุปกรณ์ดำน้ำ (Basic Set)
ขอให้โปรดจำไว้ว่า อุปกรณ์ดำน้ำทุกชนิดไม่ถูกกับ แสงแดด ความร้อน และขโมย ดังนั้นวิธีการดูแลรักษาที่ดีที่สุด คือ
- ระวังไม่ให้ถูกของหนักๆ กดทับ ควรเก้บรักษาไว้ในกล่องโดยเฉพาะ
- ล้างด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังจากการใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะใช้ในทะเล หรือในสระ เนื่องจากในสระน้ำมีคลอรีนเจือปนอยู่สูง
- ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม ห้ามนำไปตากแดด
- เก็บไว้ในที่แห้ง และอากาศถ่ายเทสะดวก
เพิ่มเติมเรื่องท่อหายใจถ้าจะซื้อควรซื้อแบบมี valve purge น้ำออกด้วยก็จะดีค่ะ ราคาเพ่มนิดหน่อย แต่ใช้งานง่ายกว่าเยอะ ตอนน้ำเข้าจะได้ไม่ต้องใช้แรงมากในการไล่น้ำออก