Author Topic: จับตา!..เกมรุก “สปาไทย” รวมกลุ่มสร้างกลยุท  (Read 9174 times)

mr_a

  • Guest
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมของการตื่นตัวธุรกิจสปามีมากจนสร้างเม็ดเงินมูลค่ากว่า หมื่นล้านบาท ให้สะพัดในตลาดทั้งรูปแบบสินค้าบริการและผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีการแข่งขันค่อนข้างสูงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้ก้าวเข้ามามีส่วนผลักดันสนับสนุนให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งกลายเป็นเป้าหมายของลูกค้าที่ใช้บริการจนสามารถแซงหน้าหลายๆประเทศ
       
       ขณะเดียวกัน คู่แข่งหน้าใหม่ๆต่างจ้องที่จะกระโดดเข้ามาในธุรกิจ เพื่อรองรับผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงความต้องการไปด้วย แน่นอนความเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่และการมองแนวโน้มในอนาคต เพื่อการปรับตัวอย่างเท่าทัน ในทิศทางที่ถูกต้องจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ผู้ประกอบการต้องเร่งสร้างความแข็งแกร่งในด้านบริหารจัดการทั้งแบบเชิงรุกและรับ
       
       สถานการณ์โดยรวมของธุรกิจสปาในปัจจุบันอยู่ในสภาพทรงตัว ส่งผลให้เกิดการขยายตัวสู่การบริการด้านดูแลสุขภาพเป็นตลาดใหม่ขึ้นมา โดยเฉพาะเรื่องของความสวยงามกับแพทย์ทางเลือก
       
       แม้ว่าตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะพบว่าอยู่ในระดับนิ่ง แต่ในทางกลับกันแถบตะวันออกกลางและมาเก๊ากลับคึกคัก โดยเฉพาะนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในดูไบมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อาทิ ธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหารไทย และพนักงานสายการบินที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยและดูไบนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังดูไบ
       
       นอกจากนี้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของดูไบ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของการส่งออกต่อ (Re-export) ที่สำคัญของโลกนั้น ทำให้สินค้าไทยยังมีโอกาสอีกมากที่จะส่งออกไปยังดูไบ หากทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันทุกด้าน ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศไทยและรัฐดูไบ
       
       โดยมีความเห็นร่วมกันจัดตั้ง Thailand-Dubai Business Council ขึ้น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันและส่งเสริม การค้า การลงทุนของสองฝ่าย โดยเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ามาดำเนินธุรกิจ แก่นักลงทุนชาวไทยที่สนใจจะเข้าไป ทั้งนี้ดูไบถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตเร็วที่สุดในโลก ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าไปเป็นจำนวนมหาศาล
       
       นอกจากนี้ธุรกิจบริการยังเป็นอีกสาขาหนึ่งที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยสามารถอาศัยจุดแข็งในเรื่องบริการและการเป็นที่ชื่นชอบของชาวดูไบให้เป็นประโยชน์ในการประกอบธุรกิจบริการได้ อาทิ ธุรกิจสปา และนวดแผนไทย ส่งผลให้มีกลุ่มกำลังซื้อสูงเดินทางเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก แต่กลับสร้างปัญหาการขาดแคลนบุคลากรขึ้นมาซึ่งยังหาทางแก้ไขไม่ได้ ขณะเดียวกันคู่แข่งหน้าใหม่ อาทิ จีน อินโดนีเซียและ อินเดีย ก็เร่งหาตลาดอย่างไม่หยุดนิ่งเช่นกัน
       
       นอกจากนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นจุดขายสปาของไทยที่ให้บริการแบบเดิมๆคงจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นทางออกของปัญหานี้คือการหาบุคลากรที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิมและมีศักยภาพในระดับมืออาชีพ รวมทั้งหารูปแบบการให้บริการแบบใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้
       
       เมื่อพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป การแข่งขันเพื่อดูแลสุขภาพมีมากขึ้นรวมถึงการเกิดคู่แข่งใหม่ๆ กลายเป็นปัญหาที่สะสมมานาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องหันมาทำความเข้าใจและรู้จักความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น
       
        ด้วยศักยภาพของไทยที่มีอยู่คือภูมิปัญญาในอดีตและวัตถุดิบต่างๆ อาทิ สมุนไพร ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในปัจจุบัน รวมไปถึงจุดขายใหม่ที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งต้องมากกว่าคำว่านวดแผนไทยและที่สำคัญต้องไม่ไปสู่กับดักเรื่องของการแข่งขันตัดราคากันเพื่อแย่งลูกค้า เพราะจะส่งผลให้มาตรฐานของธุรกิจสปาถูกมองในด้านลบทันที
       
       ภาวะทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศไทยส่งผลให้มีเพียงกลุ่มเป้าหมายใหม่อย่าง จีน รัสเซีย และอินเดีย เท่านั้นที่ถูกจับตามอง รวมถึงตลาดในแถบยุโรปนับว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่สปาไทยต้องหันมาร่วมมือกันก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพ
       
       เนื่องจากที่ผ่านมา คุณสมบัติด้านการให้บริการที่ดี และภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นจุดขายที่ได้เปรียบในการแข่งขันกับต่างชาติ แต่ปัจจุบันการแข่งขันของธุรกิจไทยด้วยกันเองและต่างประเทศกลับมีมากขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ค่อนข้างชะลอตัว ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจสปาโดยรวมลดลงไม่ต่ำกว่า 30% เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญคือการหาทางรอดของผู้ประกอบการเอง
       
       การเลือกใช้วิธีตัดราคา แถมลดคุณภาพ ไม่รักษามาตรฐาน และการไม่ดูแลบุคลากรให้ดี เป็นวิธีการที่ผู้ประกอบการสปามักจะใช้เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นซึ่งกระทบกับธุรกิจโดยรวมอย่างแน่นอน ส่งผลให้คุณภาพลดลงทั้งระบบ ในขณะที่ธุรกิจสปาเป็นตัวจักรที่สำคัญตัวหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยวของไทย เพราะมีผลเกี่ยวเนื่องไปถึงระดับรากหญ้า
       
       ดังนั้นกลยุทธ์การตลาดแบบรวมกลุ่มของธุรกิจสปาจึงจำเป็นต้องหยิบนำมาใช้ในช่วงนี้เพื่อให้ประเทศไทยสามารถต่อสู้แข่งขันกับต่างชาติได้โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเจาะตลาดทั้งใน กรุงเทพฯ ในแถบย่านสุขุมวิทหรือเมืองท่องเที่ยวหลักๆ อาทิ ภูเก็ต เกาะสมุย และเชียงใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ผู้ประกอบการธุรกิจสปาจึงต้องมีการต่อยอดและรวมกลุ่มผู้ประกอบการในลักษณะกลุ่มนำร่องที่มีความแข็งแรง ก่อนที่จะขยายไปกระตุ้นและพัฒนาในกลุ่มอื่นๆ และที่สำคัญเพื่อให้ธุรกิจสปาไทยจะสามารถอยู่รอดในสถานะการแข่งขันรุนแรงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกได้อย่างมีกลยุทธ์และมีทิศทางเดียวกัน

ขอขอบคุณ: manager online
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9500000109837